วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554
การใช้งานเครื่อง Printer ที่ติดตั้ง Tank มาบอกเล่าค่ะ
คือประสบการณ์การจริงที่เกิดขึ้น เราจึงนำสาระน่ารู้เกี่ยวกับการติดตั้ง Ink Tank ข้อแนะนำและข้อควรทราบเกี่ยวกับการใช้งานเครื่อง Printer ที่ติดตั้ง Tank มาบอกเล่าค่ะ
1.สิ่งแรกที่ควรทราบคือ การติดตั้ง Ink Tank ที่ตัวเครื่อง Printer จะทำให้ เครื่องหมดประกันทันที แต่บางร้านที่จำหน่ายปริ้นเตอร์ติดแท้งค์จะมีการรับประกันดูแลเครื่องให้ท่าน ท่านจึงควรเลือกซื้อกับร้านที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐานแน่นอน (ไม่อยู่ที่ร้านเล็กหรือใหญ่ขึ้นกับร้านนั้นมีความเป็นมืออาชีพ ไม่คิดแต่เพียง ขอให้ขายได้ก่อนหลังจากนั้น ให้ลูกค้าเสี่ยงโชคเอาเอง) บางท่านเห็นร้านที่รับต่อราคาถูกก็ติดตั้ง พอซื้อมาใช้เกิดปัญหา จะกลับไปให้ซ่อมให้ปรากฏว่ามีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นอีกเยอะแยะแบบนี้ก็ไม่ไหวค่ะ
2.หมึกที่เติม หากร้านที่รับเติมหมึก หรือรับติดตั้งแท้งค์ใช้หมึกที่ไม่มีคุณภาพ หรือหมึกที่ไม่ตรงสเปคเติมให้ จะทำให้หัวพิมพ์อุดตันหรือทำให้อายุการใช้งานของหัวพิมพ์สั้นลงค่ะ ดังนั้นท่านควรแน่ใจก่อนว่าร้านค้าจะใช้หมึกที่มีคุณสมบัติตรงตาม Spec ของหัวพิมพ์แต่ละยี่ห้อและรุ่นเครื่อง ถึงแม้จะเป็นยี่ห้อเดียวกันก็อาจจะไม่สามารถใช้ด้วยกันได้
3.ควรติดตั้งด้วยช่างที่มีประสบการณ์ความชำนาญ เชื่อถือได้ การติดตั้งอิงค์แท้งค์ ไม่มีรูปแบบการเดินที่แน่นอน หรือเป็นมาตราฐาน ขึ้นอยู่กับ ไอเดียการเดินระบบของช่างล้วนๆ หากช่างไม่ชำนาญงาน จะเดินสายพาดไปพาดมา เดินไม่เป็นระเบียบ แล้วจะทำให้เครื่องติดขัดและพังได้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจติดตั้ง อิงค์แท้งค์ ควรขอดูงานตัวอย่างเค้าก่อน จากเครื่องตัวอย่าง ถ้าคุณดูแล้วเป็นระเบียบดี ประมาณว่าดูแล้วสวยลงตัว ก็ค่อยซื้อ หากเดินวกไปวนมา ติดตัวจับสายไม่เรียบร้อย ติดตัว Tank ไม่เรียบร้อย ก็ไม่ควร
4.มี การติดตั้งท่อน้ำทิ้งหรือท่อที่ต่อหมึกเสียออกมานอกเครื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหมึกส่วนที่ไม่ได้ใช้มาท่วมฟองน้ำที่เป็นตัวซับน้ำหมึกเสียเต็มหรือเลอะเทอะออกนอกมานอกเครื่อง
5.ราคาหัวพิมพ์จะใกล้เคียงกับการซื้อเครื่องปริ้นเตอร์ใหม่ เนื่องจาก ส่วนประกอบที่สำคัญของเครื่องปริ้นเตอร์ ก็คือ หัวพิมพ์ (ตลับหมึก) เช่น ราคาเครื่องพิมพ์ 1,590 บาท ราคาของหัวพิมพ์ (ตลับหมึก สี + ดำ) 1,290 บาท ดังนั้น หากหัวพิมพ์เสียหาย การซื้อหัวพิมพ์ราคาจึงใกล้เคียงกับการซื้อเครื่องใหม่ ดังนั้นจึงควรเลือกร้านที่ เชื่อถือได้ค่ะ
6.การติดตั้ง Tank เป็นวิธีที่ดี หากติดตั้งอย่างถูกวิธีและผู้ใช้งานศึกษาการใช้งานอย่างถูกต้องและปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ให้บริการ จะช่วยให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก ทั้งนี้ปัจจัยการติดตั้ง Tank ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานด้วย
7.การติดตั้ง Tank สามารถช่วยให้ท่านประหยัดได้จริง หากท่านเข้าใจหลักการทำงานของเครื่อง Printer และ Tank ตัว Tank เป็นเสมือนแหล่งจ่ายน้ำหมึกอย่างต่อเนื่องให้กับหัวพิมพ์ที่พ่นหมึก หากท่อส่งหรือสายลำเลียงน้ำหมึกไม่ดีหรือส่งไม่ต่อเนื่อง ก็จะมีผลทำให้หัวพิมพ์หรือการฉีดพ่นหมึกไม่ดีตามไปด้วย อาจจะทำให้หัวพิมพ์เสียหายหรือชำรุด (ถ้าหัวพิมพ์เสียท่านต้องซื้อหัวพิมพ์ใหม่) เพราะฉะนั้น ท่านต้องระวังเรื่องสายลำเลียงน้ำหมึกขาดหรือมีอากาศอยู่ในสาย ซึ่งต้องแก้ไขก่อนการใช้งาน ทั้งนี้ในตัว Tank ควรบรรจุน้ำหมึกเต็มตลอดหรือไม่ควรต่ำกว่าระดับที่กำหนดค่ะ
8.อาการหัวพิมพ์เสียอาจเกิดจากสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
- หัวพิมพ์ช็อต เนื่องจากไฟตก หรือไฟกระชาก หัวพิมพ์ตกหล่น น้ำหมึกเยิ้มไหลไปที่แผงวงจรเป็นเวลานานๆ
- หัวพิมพ์อุดตัน เกิดจากการเติมน้ำหมึกผิดรุ่น หรือ ผิดสเปค
*** การติดตั้ง เดินสายน้ำหมึกไม่ดี การปรับแรงดันอากาศใน Tank ไม่สมดุล มีผลทำให้การทำงานของ Tank ผิดปกติ ควรแก้ไขก่อนการใช้งาน เวลาที่ใช้งานควรเปิดจุกเล็กปิดจุกใหญ่ แต่ถ้าเติมหมึกต้องเปิดจุกใหญ่ปิดจุกเล็กค่ะ
9.ก่อนการใช้งานทุกครั้งควรตรวจสอบ โดยการเปิดฝาเครื่อง สังเกตสายท่อหมึกว่าบริเวณตลับหมึกมีน้ำหมึกไหลเข้าสู่ตลับหรือไม่ ถ้าไม่มีให้ทำการสั่งล้างหัวพิมพ์เพื่อให้น้ำหมึกไหลเข้าสู่ตลับหมึกก่อนใช้งาน ทุกครั้ง นอกจากนั้นสังเกตว่าสายน้ำหมึกผิดปกติไปจากเดิมหรือไม่ เช่น คลิปล็อกสายหลุดจากตำแหน่งหรือสายน้ำหมึกติดขัด ทำให้เวลาพิมพ์เครื่องพิมพ์จะเกิดอาการสะดุด
10.การเคลื่อนย้ายเครื่อง Printer ทุกครั้งจะต้องทำการปิดรูอากาศที่ Tank ทุกช่องก่อนและใช้คลิปหนีบกระดาษหนีสายท่อหมึกก่อนทำการเคลื่อนย้ายเพื่อ ป้องกันแรงดันอากาศใน Tank ไปทำให้น้ำหมึกเยิ้มที่หัวพิมพ์ ทำให้แรงดันใน Tank เปลี่ยนไป และอย่าลืมเปิดรูอากาศ ก่อน ใช้งานทุกครั้ง ควรใช้งานเครื่องอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
การใช้งานปุ่มเครื่องหมาย คีมไขควง
A คือ ทดสอบงานพิมพ์ ว่าสีออกมาครบหรือไม่
H คือ การสั่งล้างหัวพิมพ์ในกรณีที่สีออกมาไม่สม่ำเสมอ
Y คือ การสั่งล้างหัวพิมพ์ที่หนักขึ้นเพื่อให้น้ำหมึกไหลเข้าสู่ตลับมากกว่าเดิม
1.สิ่งแรกที่ควรทราบคือ การติดตั้ง Ink Tank ที่ตัวเครื่อง Printer จะทำให้ เครื่องหมดประกันทันที แต่บางร้านที่จำหน่ายปริ้นเตอร์ติดแท้งค์จะมีการรับประกันดูแลเครื่องให้ท่าน ท่านจึงควรเลือกซื้อกับร้านที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐานแน่นอน (ไม่อยู่ที่ร้านเล็กหรือใหญ่ขึ้นกับร้านนั้นมีความเป็นมืออาชีพ ไม่คิดแต่เพียง ขอให้ขายได้ก่อนหลังจากนั้น ให้ลูกค้าเสี่ยงโชคเอาเอง) บางท่านเห็นร้านที่รับต่อราคาถูกก็ติดตั้ง พอซื้อมาใช้เกิดปัญหา จะกลับไปให้ซ่อมให้ปรากฏว่ามีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นอีกเยอะแยะแบบนี้ก็ไม่ไหวค่ะ
2.หมึกที่เติม หากร้านที่รับเติมหมึก หรือรับติดตั้งแท้งค์ใช้หมึกที่ไม่มีคุณภาพ หรือหมึกที่ไม่ตรงสเปคเติมให้ จะทำให้หัวพิมพ์อุดตันหรือทำให้อายุการใช้งานของหัวพิมพ์สั้นลงค่ะ ดังนั้นท่านควรแน่ใจก่อนว่าร้านค้าจะใช้หมึกที่มีคุณสมบัติตรงตาม Spec ของหัวพิมพ์แต่ละยี่ห้อและรุ่นเครื่อง ถึงแม้จะเป็นยี่ห้อเดียวกันก็อาจจะไม่สามารถใช้ด้วยกันได้
3.ควรติดตั้งด้วยช่างที่มีประสบการณ์ความชำนาญ เชื่อถือได้ การติดตั้งอิงค์แท้งค์ ไม่มีรูปแบบการเดินที่แน่นอน หรือเป็นมาตราฐาน ขึ้นอยู่กับ ไอเดียการเดินระบบของช่างล้วนๆ หากช่างไม่ชำนาญงาน จะเดินสายพาดไปพาดมา เดินไม่เป็นระเบียบ แล้วจะทำให้เครื่องติดขัดและพังได้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจติดตั้ง อิงค์แท้งค์ ควรขอดูงานตัวอย่างเค้าก่อน จากเครื่องตัวอย่าง ถ้าคุณดูแล้วเป็นระเบียบดี ประมาณว่าดูแล้วสวยลงตัว ก็ค่อยซื้อ หากเดินวกไปวนมา ติดตัวจับสายไม่เรียบร้อย ติดตัว Tank ไม่เรียบร้อย ก็ไม่ควร
4.มี การติดตั้งท่อน้ำทิ้งหรือท่อที่ต่อหมึกเสียออกมานอกเครื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหมึกส่วนที่ไม่ได้ใช้มาท่วมฟองน้ำที่เป็นตัวซับน้ำหมึกเสียเต็มหรือเลอะเทอะออกนอกมานอกเครื่อง
5.ราคาหัวพิมพ์จะใกล้เคียงกับการซื้อเครื่องปริ้นเตอร์ใหม่ เนื่องจาก ส่วนประกอบที่สำคัญของเครื่องปริ้นเตอร์ ก็คือ หัวพิมพ์ (ตลับหมึก) เช่น ราคาเครื่องพิมพ์ 1,590 บาท ราคาของหัวพิมพ์ (ตลับหมึก สี + ดำ) 1,290 บาท ดังนั้น หากหัวพิมพ์เสียหาย การซื้อหัวพิมพ์ราคาจึงใกล้เคียงกับการซื้อเครื่องใหม่ ดังนั้นจึงควรเลือกร้านที่ เชื่อถือได้ค่ะ
6.การติดตั้ง Tank เป็นวิธีที่ดี หากติดตั้งอย่างถูกวิธีและผู้ใช้งานศึกษาการใช้งานอย่างถูกต้องและปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ให้บริการ จะช่วยให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก ทั้งนี้ปัจจัยการติดตั้ง Tank ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานด้วย
7.การติดตั้ง Tank สามารถช่วยให้ท่านประหยัดได้จริง หากท่านเข้าใจหลักการทำงานของเครื่อง Printer และ Tank ตัว Tank เป็นเสมือนแหล่งจ่ายน้ำหมึกอย่างต่อเนื่องให้กับหัวพิมพ์ที่พ่นหมึก หากท่อส่งหรือสายลำเลียงน้ำหมึกไม่ดีหรือส่งไม่ต่อเนื่อง ก็จะมีผลทำให้หัวพิมพ์หรือการฉีดพ่นหมึกไม่ดีตามไปด้วย อาจจะทำให้หัวพิมพ์เสียหายหรือชำรุด (ถ้าหัวพิมพ์เสียท่านต้องซื้อหัวพิมพ์ใหม่) เพราะฉะนั้น ท่านต้องระวังเรื่องสายลำเลียงน้ำหมึกขาดหรือมีอากาศอยู่ในสาย ซึ่งต้องแก้ไขก่อนการใช้งาน ทั้งนี้ในตัว Tank ควรบรรจุน้ำหมึกเต็มตลอดหรือไม่ควรต่ำกว่าระดับที่กำหนดค่ะ
8.อาการหัวพิมพ์เสียอาจเกิดจากสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
- หัวพิมพ์ช็อต เนื่องจากไฟตก หรือไฟกระชาก หัวพิมพ์ตกหล่น น้ำหมึกเยิ้มไหลไปที่แผงวงจรเป็นเวลานานๆ
- หัวพิมพ์อุดตัน เกิดจากการเติมน้ำหมึกผิดรุ่น หรือ ผิดสเปค
*** การติดตั้ง เดินสายน้ำหมึกไม่ดี การปรับแรงดันอากาศใน Tank ไม่สมดุล มีผลทำให้การทำงานของ Tank ผิดปกติ ควรแก้ไขก่อนการใช้งาน เวลาที่ใช้งานควรเปิดจุกเล็กปิดจุกใหญ่ แต่ถ้าเติมหมึกต้องเปิดจุกใหญ่ปิดจุกเล็กค่ะ
9.ก่อนการใช้งานทุกครั้งควรตรวจสอบ โดยการเปิดฝาเครื่อง สังเกตสายท่อหมึกว่าบริเวณตลับหมึกมีน้ำหมึกไหลเข้าสู่ตลับหรือไม่ ถ้าไม่มีให้ทำการสั่งล้างหัวพิมพ์เพื่อให้น้ำหมึกไหลเข้าสู่ตลับหมึกก่อนใช้งาน ทุกครั้ง นอกจากนั้นสังเกตว่าสายน้ำหมึกผิดปกติไปจากเดิมหรือไม่ เช่น คลิปล็อกสายหลุดจากตำแหน่งหรือสายน้ำหมึกติดขัด ทำให้เวลาพิมพ์เครื่องพิมพ์จะเกิดอาการสะดุด
10.การเคลื่อนย้ายเครื่อง Printer ทุกครั้งจะต้องทำการปิดรูอากาศที่ Tank ทุกช่องก่อนและใช้คลิปหนีบกระดาษหนีสายท่อหมึกก่อนทำการเคลื่อนย้ายเพื่อ ป้องกันแรงดันอากาศใน Tank ไปทำให้น้ำหมึกเยิ้มที่หัวพิมพ์ ทำให้แรงดันใน Tank เปลี่ยนไป และอย่าลืมเปิดรูอากาศ ก่อน ใช้งานทุกครั้ง ควรใช้งานเครื่องอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
การใช้งานปุ่มเครื่องหมาย คีมไขควง
A คือ ทดสอบงานพิมพ์ ว่าสีออกมาครบหรือไม่
H คือ การสั่งล้างหัวพิมพ์ในกรณีที่สีออกมาไม่สม่ำเสมอ
Y คือ การสั่งล้างหัวพิมพ์ที่หนักขึ้นเพื่อให้น้ำหมึกไหลเข้าสู่ตลับมากกว่าเดิม
แก้ปํญหา inktank
สำหรับ printer ที่ติดแท้งค์ ถ้าเครื่องฟ้องว่าหมึกหมด อย่าตกใจครับ ปัญหานี้แก้ได้ง่ายนิดเดียวครับ ไม่ต้องเสียเวลาไปโหลดที่ไหนหรอกครับ คุณสามารถเดลียร์หัวหมึกได้ที่เครื่อง printer ได้เลยครับตามขั้นตอนดังนี้ครับ
1.ถ้าพิมพ์งานค้างอยู่ให้ยกเลิกการพิมพ์ก่อนครับ
2.กดปุ่มเครื่องมือช่าง (ปุ่มที่มีรูป คีมกับไขควงนั่นล่ะครับ)
3.กด 3 ครั้ง ให้สังเกตหน้าจอจะปรากฏรูปตัว y
4.จากนั้นให้กดปุ่ม color
เครื่อง printer จะทำการเคลียร์หัวหมึกให้เองครับ ควรทำซัก 2-3 ครั้งครับ เพียงเท่านี้เครื่อง printer ของท่านก็จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติครับผม
วันนี้ขอตอบแบบรวมเลยนะครับ
1. การที่มีอากาศเข้าในสาย หมายความว่ามีการรั่วที่จุกยางตรงตลับครับ ให้ตรวจสอบดูว่าจุกยางขาดหรือเปล่า ถ้าขาดต้องเปลี่ยนจุกยางใหม่ครับ สำหรับวิธีการไล่หมึกนั้นทำได้ตามนี้ครับ 1. ปิดเครื่อง 2. เปิดฝาสแกน 3. ถอดสายที่มีอากาศออก (ให้ถอดออกมาทั้งข้องอครับ) 4. ใช้เข็มฉีดยาไล่หมึกโดยไล่ที่ช่องจุกเล็กของแท้งค์ปิดจุกใหญ่ด้วยนะครับ (ใช้ไซลิ้งเปล่าครับ) 5. ไล่หมึกจนน้ำหมึกไหลมาอยู่ที่ใกล้ๆข้องอให้ใส่สายเข้ากับตลับหมึกตามเดิม 6. ใส่ตลับเข้าที่ แล้วปิดฝาครอบตลับ 7. ปิดฝาสแกน 8. เปิดเครื่อง แล้วทำการล้างหัวพิมพ์ก่อน ควรทำสัก 2 ครั้งนะครับ เป็นอันเรียบร้อยครับ
2. การที่เครื่องมีไฟสีส้มกระพริบที่ color ink และ black ink นั้นแต่เครื่องก็ยังสั่งพิมพ์ได้เป็นปกติ ไม่ต้องตกใจครับ คุณสามารถใช้งานต่อไปได้ตามปกติครับ เพราะเครื่องจะฟ้องว่าหมึกใกล้หมด แต่ทำการ reset ตลับไปแล้วไม่หาย เนื่องจากเครื่องยังจดจำค่าของระดับหมึกในตลับเดิมอยู่ ก็ปล่อยให้กระพริบไปครับ แนะนำให้ทำการล้างหัวพิมพ์ทุกครั้งที่เปิดเครื่องใช้งาน จะเป็นการยืดอายุการใช้งานของตลับหมึกออกไปครับ
3. การเติมหมึกใน printer inkthank นั้นทำได้ง่ายมากครับ มาเริ่มกันเลยครับ 1. ให้ดูที่ตัวแท้งค์ก่อนครับว่า ใส่จุกกรองอากาศอยู่หรือเปล่า ถ้าใส่อยู่ให้ถอดออกครับ 2. จากนั้นปิดจุกเล็ก 3. เปิดจุกใหญ่ 4. เติมหมึกลงไปได้เลยครับ 5. เมื่อเติมเสร็จให้ปิดจุกใหญ่ 6. เปิดจุกเล็ก 7.ใส่จุกกรองอากาศ ก็เป็นอันเรียบร้อยครับ สามารถทำได้กับทุกสีที่จะเติมครับ ( ข้อควรจำ ตัวแท้งค์หมึกจะมีอยู่ 2 ช่องครับคือ ช่องเล็ก กับ ช่องใหญ่ ให้เติมหมึกลงในช่องใหญ่ครับ และให้ดูที่ระดับน้ำหมึกทั้ง 2 ช่อง ระดับหมึกปกติ ช่องเล็กจะต้องอยู่ต่ำกว่าช่องใหญ่เสมอทุกสีนะครับ)
ตามนี้ได้ผลครับ ขอบคุณ
สำหรับ printer ที่ติดแท้งค์ ถ้าเครื่องฟ้องว่าหมึกหมด อย่าตกใจครับ ปัญหานี้แก้ได้ง่ายนิดเดียวครับ ไม่ต้องเสียเวลาไปโหลดที่ไหนหรอกครับ คุณสามารถเดลียร์หัวหมึกได้ที่เครื่อง printer ได้เลยครับตามขั้นตอนดังนี้ครับ
1.ถ้าพิมพ์งานค้างอยู่ให้ยกเลิกการพิมพ์ก่อนครับ
2.กดปุ่มเครื่องมือช่าง (ปุ่มที่มีรูป คีมกับไขควงนั่นล่ะครับ)
3.กด 3 ครั้ง ให้สังเกตหน้าจอจะปรากฏรูปตัว y
4.จากนั้นให้กดปุ่ม color
เครื่อง printer จะทำการเคลียร์หัวหมึกให้เองครับ ควรทำซัก 2-3 ครั้งครับ เพียงเท่านี้เครื่อง printer ของท่านก็จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติ
1.ถ้าพิมพ์งานค้างอยู่ให้ยกเลิกการพิมพ์ก่อนครับ
2.กดปุ่มเครื่องมือช่าง (ปุ่มที่มีรูป คีมกับไขควงนั่นล่ะครับ)
3.กด 3 ครั้ง ให้สังเกตหน้าจอจะปรากฏรูปตัว y
4.จากนั้นให้กดปุ่ม color
เครื่อง printer จะทำการเคลียร์หัวหมึกให้เองครับ ควรทำซัก 2-3 ครั้งครับ เพียงเท่านี้เครื่อง printer ของท่านก็จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติครับผม
วันนี้ขอตอบแบบรวมเลยนะครับ
1. การที่มีอากาศเข้าในสาย หมายความว่ามีการรั่วที่จุกยางตรงตลับครับ ให้ตรวจสอบดูว่าจุกยางขาดหรือเปล่า ถ้าขาดต้องเปลี่ยนจุกยางใหม่ครับ สำหรับวิธีการไล่หมึกนั้นทำได้ตามนี้ครับ 1. ปิดเครื่อง 2. เปิดฝาสแกน 3. ถอดสายที่มีอากาศออก (ให้ถอดออกมาทั้งข้องอครับ) 4. ใช้เข็มฉีดยาไล่หมึกโดยไล่ที่ช่องจุกเล็กของแท้งค์ปิดจุกใหญ่ด้วยนะครับ (ใช้ไซลิ้งเปล่าครับ) 5. ไล่หมึกจนน้ำหมึกไหลมาอยู่ที่ใกล้ๆข้องอให้ใส่สายเข้ากับตลับหมึกตามเดิม 6. ใส่ตลับเข้าที่ แล้วปิดฝาครอบตลับ 7. ปิดฝาสแกน 8. เปิดเครื่อง แล้วทำการล้างหัวพิมพ์ก่อน ควรทำสัก 2 ครั้งนะครับ เป็นอันเรียบร้อยครับ
2. การที่เครื่องมีไฟสีส้มกระพริบที่ color ink และ black ink นั้นแต่เครื่องก็ยังสั่งพิมพ์ได้เป็นปกติ ไม่ต้องตกใจครับ คุณสามารถใช้งานต่อไปได้ตามปกติครับ เพราะเครื่องจะฟ้องว่าหมึกใกล้หมด แต่ทำการ reset ตลับไปแล้วไม่หาย เนื่องจากเครื่องยังจดจำค่าของระดับหมึกในตลับเดิมอยู่ ก็ปล่อยให้กระพริบไปครับ แนะนำให้ทำการล้างหัวพิมพ์ทุกครั้งที่เปิดเครื่องใช้งาน จะเป็นการยืดอายุการใช้งานของตลับหมึกออกไปครับ
3. การเติมหมึกใน printer inkthank นั้นทำได้ง่ายมากครับ มาเริ่มกันเลยครับ 1. ให้ดูที่ตัวแท้งค์ก่อนครับว่า ใส่จุกกรองอากาศอยู่หรือเปล่า ถ้าใส่อยู่ให้ถอดออกครับ 2. จากนั้นปิดจุกเล็ก 3. เปิดจุกใหญ่ 4. เติมหมึกลงไปได้เลยครับ 5. เมื่อเติมเสร็จให้ปิดจุกใหญ่ 6. เปิดจุกเล็ก 7.ใส่จุกกรองอากาศ ก็เป็นอันเรียบร้อยครับ สามารถทำได้กับทุกสีที่จะเติมครับ ( ข้อควรจำ ตัวแท้งค์หมึกจะมีอยู่ 2 ช่องครับคือ ช่องเล็ก กับ ช่องใหญ่ ให้เติมหมึกลงในช่องใหญ่ครับ และให้ดูที่ระดับน้ำหมึกทั้ง 2 ช่อง ระดับหมึกปกติ ช่องเล็กจะต้องอยู่ต่ำกว่าช่องใหญ่เสมอทุกสีนะครับ)
ตามนี้ได้ผลครับ ขอบคุณ
สำหรับ printer ที่ติดแท้งค์ ถ้าเครื่องฟ้องว่าหมึกหมด อย่าตกใจครับ ปัญหานี้แก้ได้ง่ายนิดเดียวครับ ไม่ต้องเสียเวลาไปโหลดที่ไหนหรอกครับ คุณสามารถเดลียร์หัวหมึกได้ที่เครื่อง printer ได้เลยครับตามขั้นตอนดังนี้ครับ
1.ถ้าพิมพ์งานค้างอยู่ให้ยกเลิกการพิมพ์ก่อนครับ
2.กดปุ่มเครื่องมือช่าง (ปุ่มที่มีรูป คีมกับไขควงนั่นล่ะครับ)
3.กด 3 ครั้ง ให้สังเกตหน้าจอจะปรากฏรูปตัว y
4.จากนั้นให้กดปุ่ม color
เครื่อง printer จะทำการเคลียร์หัวหมึกให้เองครับ ควรทำซัก 2-3 ครั้งครับ เพียงเท่านี้เครื่อง printer ของท่านก็จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติ
วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554
งานถูกโฉลกของหนุ่มต่างราศี
ศาสตร์แห่งปัญญาเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
หนุ่มราศีเมษ หนุ่มผู้ไม่หยุดนิ่งเหมาะกับงานบริหาร และชอบธุรกิจเขี้ยว ๆ คุณมักพบหนุ่มเมษผู้รักการเลี่ยงได้สถานีตำรวจ กองทัพ หรือสถานีดับเพลิง
หนุ่มราศีพฤษภ เขารู้เรื่องของสวย ๆ งาม ๆ งานอกแบบโฆษณา แฟชั่น และก็ชอบความหวือหวาของงานเซลล์ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะงานขายที่ดินและทรัพย์สิน เป็นคนทำงานหนักได้ดี อุปสรรคอยู่ที่ความหัวดื้อนั่นแหละ
หนุ่มราศีเมถุน เขาเจรจาต่อรองได้ยอดเยี่ยม เพราะบุคลิกคล่องแคล่ว และถนัดสื่อสาร ธรรมชาติที่สนุกสนานทำให้เขารักงานหลากหลาย เพียงแต่ต้องเลิกนินทาชาวบ้านซะบ้าง
หนุ่มราศีกรกฎ ความฝันของเขาคือ ได้ทำงานในแวดวงสวย ๆ งาม ๆ อาหาร และคนน่าสนใจ อาชีพในอุดมคติคือ หมอ พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ รวมไปถึงงานออกแบบลายผ้าและเฟอร์นิเจอร์
หนุ่มราศีสิงห์ ศิลปินโดยกำเนิดรายนี้ต้องการงานที่ได้แสดงออกถึงตัวเอง เขาทำอะไรก็ได้ ที่ขอให้สนุกและเพลินกับการใช้ทักษะการต่อรอง เช่น งานขาย นักกฎหมาย โฆษณา หรืองานที่เกี่ยวกับความสวยงาม
หนุ่มราศีกันย์ ความรู้ลึกซึ้งอย่างเขาน่าจะเป็นตัวแทนทางการฑูต เขาชอบทำงานอยู่เบื้องหลัง ใคร ๆ ก็งางใจรับฟังความเห็นของเขา หนุ่มกันย์เหมาะกับงานบริการ เช่น งานธนาคารหรืองานแพทย์
หนุ่มราศีตุลย์ เขาดูง่าย ๆ สบาย ๆ ใคร ๆ เลยประเมินจากเขาต่ำกว่าความจริง เขามีวิธีได้สิ่งที่ต้องการเสมอ โดยไม่ต้องตะโกนเรียกร้อง เขาเป็นนักกฎหมายที่วิเศษ งานออกแบบ หรือการจัดการก็เข้าท่า
หนุ่มราศีพิจิก ต้องมีการท้าทายปัญญาอันเฉียบแหลมของเขาเสียบ้างเพื่อแก้เบื่อ เขาจะมีความสุขกับงานนักสืบ นักวิทยาศาสตร์ ช่างภาพ และนักเขียน
หนุ่มราศีธนู ความคิดสร้างสรรค์ของเขาเหมาะกับงานหลายแนว ทั้งงานขาย นักแสดง ศิลปิน นักข่าว ทีวีหรือวิทยุ แล้วยังเรื่องกีฬากับการท่องเที่ยวอีกล่ะ สรุปคืองานที่เขาเป็นอิสระ และฝึกทักษะสื่อสารน่ะ
หนุ่มราศีมังกร เขาเป็นนักธุรกิจที่จริงจัง ต้องการรู้ตลอดเวลาว่าตัวเองยืนอยู่ที่จุดไหน เขาเหมาะกับงานมั่นคงและชัดเจน อย่าง สถาปนิก งานพัฒนาที่ดิน ทำไร่สวน งานก่อสร้าง
หนุ่มราศีกุมภ์ เป็นนักประดิษฐ์คิดค้นที่ต้องการอิสระในการทำงานตามความคิด เป็นผู้ร่วมงานที่ร่าเริง หนุ่มกุมภ์มักฝันเรื่องการกอบกู้โลก จึงมักเจอเขาในงานด้านสิ่งแวดล้อม หรืองานสื่อต่าง ๆ
หนุ่มราศีมีน คือนักฝันชั้นยอด เขาทำงานได้ดีเมื่อมีอิสระ พวกศิลปะ ดนตรี การเต้นรำ เป็นสิ่งที่เขาสนใจและรู้ดี เขาเป็นนักธุรกิจที่มักจะมีคุรอบในมุมมองที่คนอื่นไม่ทันคิดเสมอ
หนุ่มราศีเมษ หนุ่มผู้ไม่หยุดนิ่งเหมาะกับงานบริหาร และชอบธุรกิจเขี้ยว ๆ คุณมักพบหนุ่มเมษผู้รักการเลี่ยงได้สถานีตำรวจ กองทัพ หรือสถานีดับเพลิง
หนุ่มราศีพฤษภ เขารู้เรื่องของสวย ๆ งาม ๆ งานอกแบบโฆษณา แฟชั่น และก็ชอบความหวือหวาของงานเซลล์ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะงานขายที่ดินและทรัพย์สิน เป็นคนทำงานหนักได้ดี อุปสรรคอยู่ที่ความหัวดื้อนั่นแหละ
หนุ่มราศีเมถุน เขาเจรจาต่อรองได้ยอดเยี่ยม เพราะบุคลิกคล่องแคล่ว และถนัดสื่อสาร ธรรมชาติที่สนุกสนานทำให้เขารักงานหลากหลาย เพียงแต่ต้องเลิกนินทาชาวบ้านซะบ้าง
หนุ่มราศีกรกฎ ความฝันของเขาคือ ได้ทำงานในแวดวงสวย ๆ งาม ๆ อาหาร และคนน่าสนใจ อาชีพในอุดมคติคือ หมอ พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ รวมไปถึงงานออกแบบลายผ้าและเฟอร์นิเจอร์
หนุ่มราศีสิงห์ ศิลปินโดยกำเนิดรายนี้ต้องการงานที่ได้แสดงออกถึงตัวเอง เขาทำอะไรก็ได้ ที่ขอให้สนุกและเพลินกับการใช้ทักษะการต่อรอง เช่น งานขาย นักกฎหมาย โฆษณา หรืองานที่เกี่ยวกับความสวยงาม
หนุ่มราศีกันย์ ความรู้ลึกซึ้งอย่างเขาน่าจะเป็นตัวแทนทางการฑูต เขาชอบทำงานอยู่เบื้องหลัง ใคร ๆ ก็งางใจรับฟังความเห็นของเขา หนุ่มกันย์เหมาะกับงานบริการ เช่น งานธนาคารหรืองานแพทย์
หนุ่มราศีตุลย์ เขาดูง่าย ๆ สบาย ๆ ใคร ๆ เลยประเมินจากเขาต่ำกว่าความจริง เขามีวิธีได้สิ่งที่ต้องการเสมอ โดยไม่ต้องตะโกนเรียกร้อง เขาเป็นนักกฎหมายที่วิเศษ งานออกแบบ หรือการจัดการก็เข้าท่า
หนุ่มราศีพิจิก ต้องมีการท้าทายปัญญาอันเฉียบแหลมของเขาเสียบ้างเพื่อแก้เบื่อ เขาจะมีความสุขกับงานนักสืบ นักวิทยาศาสตร์ ช่างภาพ และนักเขียน
หนุ่มราศีธนู ความคิดสร้างสรรค์ของเขาเหมาะกับงานหลายแนว ทั้งงานขาย นักแสดง ศิลปิน นักข่าว ทีวีหรือวิทยุ แล้วยังเรื่องกีฬากับการท่องเที่ยวอีกล่ะ สรุปคืองานที่เขาเป็นอิสระ และฝึกทักษะสื่อสารน่ะ
หนุ่มราศีมังกร เขาเป็นนักธุรกิจที่จริงจัง ต้องการรู้ตลอดเวลาว่าตัวเองยืนอยู่ที่จุดไหน เขาเหมาะกับงานมั่นคงและชัดเจน อย่าง สถาปนิก งานพัฒนาที่ดิน ทำไร่สวน งานก่อสร้าง
หนุ่มราศีกุมภ์ เป็นนักประดิษฐ์คิดค้นที่ต้องการอิสระในการทำงานตามความคิด เป็นผู้ร่วมงานที่ร่าเริง หนุ่มกุมภ์มักฝันเรื่องการกอบกู้โลก จึงมักเจอเขาในงานด้านสิ่งแวดล้อม หรืองานสื่อต่าง ๆ
หนุ่มราศีมีน คือนักฝันชั้นยอด เขาทำงานได้ดีเมื่อมีอิสระ พวกศิลปะ ดนตรี การเต้นรำ เป็นสิ่งที่เขาสนใจและรู้ดี เขาเป็นนักธุรกิจที่มักจะมีคุรอบในมุมมองที่คนอื่นไม่ทันคิดเสมอ
ผู้หญิงกับการสำเร็จความใคร่
 |
ผู้หญิงกับการสำเร็จความใคร่... การสำเร็จความใคร่ หรือในวงการแพทย์เรียกว่า Mastur Bation, Female ถือเป็นเรื่องปกติ ลักษณะของการกระทำจะเป็น การถูกอวัยวะเพศของตนเองโดยปราศจากการร่วมเพศ และทำ เพื่อต้องการให้เกิดความเสียวกระสันจนถึงจุดสุดยอดตามกาม ตัณหาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเรียกร้อง ดังเช่นผู้หญิงรายนี้ "หนูไม่สบายใจมาก ปีนี้หนูอายุ 18 ปี มีแฟนแล้ว แต่ไม่ เคยมีอะไรกัน แต่หนูชอบช่วยเหลือตัวเองอยู่เสมอ ๆ จึงอยาก เรียนถามคุณหมอว่า ทำไมหนูจึงชอบช่วยเหลือตัวเองอยู่บ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ตัวหนูเองไม่ต้องการมันเลย หนูไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เป็นเพราะอะไร ปกติตัวเองจะเป็นคนคิดมากทำให้เป็นสาเหตุ ของการมีเพศสัมพันธ์หรือเปล่าและการที่ทำอย่างนี้จะดีหรือไม่ดี เพราะอะไรคะ เวลาที่หนูทำเสร็จหนูไม่สบายใจเลย กลับคิดมาก หยากร้องไห้ แต่ร้องไม่ออก".... การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองทั้งชายและหญิงเป็นเรื่อง ปกติคนเกือบทั้งหมดเคยกระทำสิ่งนี้มาแล้วทั้งนั้นครับ การช่วย ตังเองไม่มีผลร้ายต่อร่างกายของคนเราแต่อย่างใด ผลเสียถ้าหาก จะมีก็เพียงความรู้สึกเป็นบาปอยู่ในใจเท่านั้น และหากมีความ รู้สึกเช่นนี้ ผลเสียหายจะร้ายแรงเอาการทีเดียว ต้องรีบแก้ไข ทำความเข้าใจอย่างเร่งด่วน การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ไม่ใช่สิ่งที่สนุกเทียบเท่า การร่วมเพศ แต่อย่างน้อยมันก็สามารถให้ความสุขได้ น้อง ๆ จากการร่วมเพศจริง ๆ และการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองเป็น ทางออกโดยธรรมชาติสำหรับผู้ซึ่งยังไม่มีโอกาสร่วมรักได้ และไม่ เป็นพิษเป็นภัยกับสังคมด้วย ที่ต่างประเทศ รูปแบบการสำเร็จความใคร่ของผู้หญิงและ ชายนั้นมีหลายรูปแบบ บางครั้งอาจใช้อวัยวะเพศชายเทียม ขนาดต่าง ๆ ตุ๊กตายาง นิ้วมือ อุปกรณ์เครื่องนวดต่าง ๆ หรือแม้ กระทั่งหมอนข้างหรือผลไม้บางชนิดก็สามารถช่วยให้บบรรลุวัตถุ ประสงค์ให้ตนเองประสบความสุขได้ แต่ยิ่งพบมายิ่งขึ้นคือการใช้ เครื่องมือสั่นสะเทือนเล็ก ๆ ที่มีการบังคับความถื่ รวมทั้งมีเครื่อง ประกอบหลายอย่าง บางคนยังได้แนะนำเครื่องสั่นสะเทือนให้ผู้หญิงใช้ โดย เฉพาะผู้หญิงที่มีชีวิตอยู่คนเดียว หรือผู้หญิงที่ไม่เคยได้รับความ รู้สึกสุดยอดทางเพศได้จากสามีของเธอมาก่อน สำหรับหญิงสาวหรือผู้หญิงที่บรรลุนิติภาวะแล้ว การสำเร็จ ความใคร่ด้วยตนเองถือเป็นการศึกษาอย่างหนึ่งในเรื่องความ เสียวสุดยอด และเป็นการเตรียมตัวในความรู้สึกเช่นนั้นของ เธอเพื่อคู่ขาทางเพศในอนาคต อย่ามัวทุกข์ หรือกังวลอยู่เลย เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ และไม่เป็นอันตรายครับ |
7 บทรักที่ชาย ชอบทำให้หญิงหลง
สำหรับผู้ชาย เซ็กซ์ และอีโก้เป็นสิ่งที่เกาะเกี่ยวสัมพันธ์ กันอย่างประหลาด และซับซ้อน ซึ่งสร้างความเพลิดเพลินได้พอกับเป็นอันตราย ประเด็นแรก เขาจะภูมิในมากที่ผู้หญิงสักคนร่วมเต้นส่ายสะโพกบนเตียงได้ โดยแทบไม่นึกถึงเลยว่าอาวุธเผด็จศึกของตัวเองจะมีหน้าตาอย่างไร หรือเขาจะหัวล้าน และมีขนเต็มตัวหรือไม่ ส่วยสติรู้ผิดชอบชั่วดีก็หยุดทำงานตั้งแต่เริ่มบทรักแค่ 2-3 นาที ในบรรยากาศเพลิดเพลิน เนื้อแนบเนื้อนั้น เขาคิดว่าตัวเองมีกล้ามท้องแข็ง เป็นกระดานโต้คลื่น เป็นนักบุกทะลวงที่แข็งแกร่ง และมีอาการยักย้ายส่ายสะโพก ในแบบที่ทำให้ Ricky Martin ดูเหมือนเป็นอัมพาตเลยทีเดียว
แต่เท่าที่ได้อ่าน ได้ยิน ได้รับรู้กันมาผู้หญิงจำนวนมาก ไม่สนุกกับการหลอกตัวเองในระดับเดียวกันนั้น อาจเป็นเพราะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างโหดร้ายมาก่อน หรืออาจะเป็นเพราะกังวลใจไปเอง ซึ่งผู้ชายไม่มีวัน และไม่เคยเข้าใจความรู้สึกเหล่านี้ ถึงอย่างไรก็ขอรับรองว่าขณะที่ผู้ชายกำลังบรรเลงเพลงรักกับคุณอยู่นั้น เขาจะไม่พิจารณาอวัยวะของคุณ ซึ่งคุณเห็นว่าบกพร่อง แม้แต่น้อย ไม่ต้องนึกถึงเรื่องที่เขาจะชอบหรือไม่ชอบเลยด้วยซ้ำ
ข้อเสียที่มาพร้อมกับการไม่ใส่ใจภาพลักษณ์ตัวเอง และความมั่นใจเหลือหลาย ของผู้ชายในเรื่องบนเตียง คือพวกเขามักจะ เชื่อว่าตัวเองเป็นคู่รักที่ดีว่า ความเป็นจริง จะพูดให้เห็นภาพก็คือ คุณจับผู้ชายมา 10 คน และถามว่าเขาคิดว่าตัวเองเป็นนักวิงที่เก่งหรือเปล่า อาจมี 2 หรือ 3 คนตอบว่า เป็นสิ อาจมี 4 คนตอบบว่าก็ใช้ได้ ส่วนที่เหลือก็จะบอกว่า "ยังห่างไกลมืออาชีพนัก" แต่ถ้าถามผู้ชายกลุ่มเดิมว่า เขาเป็นนักรักที่เก่งหรือเปล่า เก้าในสิบคน จะบอกว่าตัวเองดีกว่ามาตรฐานทันที คุณอาจแย้งทันควันว่า ไม่จริงย่ะ ไม่จริงย่ะ ซึ่งถูกต้องเพราะบทบาทการแสดงออกบนเตียงของผู้ชาย นั้นมีจำกัด เหมือนเวลาคัดเลือกตัวแสดงนั่นแหละ บทที่มีจำกัดก็เลยต้องจำกัดคนเก่งไปด้วย และนี่คือบทรักที่ผู้ชายแสดงมาที่สุด
1. บทรักบ้าคลั่ง
เรื่องเกิดขึ้นในค่ำคืนหนึ่ง อาจเป็นเพราะดื่มแอลกอฮอล์ที่ปลดปล่อยฮอร์โมนในปริมาณได้ที่ หรืออาจเป็นเพราะจันทร์เต็มดวง หรืออาจเพราะเขาถูกปลุกเร้า และระเบิดแรงปราถนา ที่ร่างกายต้องการผ่อนคลาย ถือว่าเป็นเซ็กซ์ที่ห่าม และรวดเร็วที่สุดที่ผู้ชาย สามารถทำได้ กระโปรงจะถูกถลกขึ้น ท่าใหม่ๆ เริ่มบรรเลง เสียงครวญครางดังก้อง และบทพูดคุยลามกเกินฟังไหว ประหนึ่งว่า เขากำลังทดสอบบทในหนังโปยังไงยังงั้น ลืมไปเลยเรื่องความผูกพันทางใจ หรือความอ่อนโยน มีแต่กามกิจที่ต้องทำให้ลุล่วงเท่านั้น หลังจากนั้น คุณสองคนก็จะ พยายามกลบเกลื่อนบรรยากาศดิบห่าม เมื้อกี้โดยการแสดงความรักด้วยการ กอดและจิบน้ำชาพร้อมกับกระซิบว่า "สุดยอด" ส่วนที่ดีที่สุดในบทรักแบบนี้คือ คุณต่างพอใจทั้งสองฝ่าย
2. บทรักเตรียมพร้อม
อาจเริ่มต้นด้วยคำเชิญชวน หรือพูดให้ถูกก็คือแผนการที่จะพาคุณกลับที่พักของเขาอาจเป็นลูกไม้เก่านัดไปปรึกษาหารือ หรือพบปะสังสรรค์ก่อนจะ "อยากดื่มกาแฟ หน่อยไหม" ผู้ชายบางคนถึงกับลงทุนโกหกว่า "ไง... ผมเองนะ ผมรู้สึกไม่สบายใจเลย มาเจอผมหน่อยได้ไหม" คงนึกภาพออกนะว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เขาอยากทำให้คุณประทับใจกับรสนิยม อันดี และความรักศิลปะของเขา ซึ่งก็ต้องเตรียมด้วยการโกยเสื้อผ้าที่ไม่น่าจะมีอยู่ในตู้เสื้อผ้าเขาเข้าตะกร้า โละกล่องพิซซ่ากองพะเนินทิ้ง ซื้อกระดาษทิชชู่ม้วนหนาสองชั้น และจุดเทียนให้รอบบ้าน อาจจะซื้อตำราทำอาหารไว้ด้วย แต่เตรียมอุ่นอาหารแช่แข็งที่วื้อมาจัดฉากว่าเป็นอาหาร "ทำเองใหม่ๆ" ขณะเดียวกันก็จะประดับที่พักด้วยแสงสลัว เล่น ซีดีเพลงคลาสิค ที่แถมมากับเครื่องและทำสิ่งน่าแปลกใจสุดๆ คือการเปลี่ยนผ้าปูทีนอน
30 วินาทีก่อนคุณมาถึง เขาจะดึงหนังสือปกแข็ง ออกจากชั้นและวางไว้ในเก้าอี้ เพื่อให้คุณประทับใจว่าการนั่งในห้องที่มีแสงเทียนสลัว ฟังเพลงของ Bach และอ่านผลงานของ ตอล สตอย ไปขณะที่อาหารสดใหม่เตรียมพร้อมอยู่ในครัว เป็นชีวิตปกติ ธรรมดา สำหรับคนเช่นเขา ที่ชอบแสวงหา ความรู้ใส่ตัวและแสนจะโรแมนติก เจาอาจสำรวจฉากสวยๆ นี้อีก 1 นาที และรับรอง กับตัวเองอย่างโอ่อ่าว่า "เธอจะห้ามใจอย่างไรไหว เมื่อเห็นเราในฉากนี้"
เมื่อคุณมาถึง เสื้อแจ๊คเก็ต จะถูกถอดออก คุณดื่มไวน์ เขาฟังทุกพยางค์ที่คุณพูด อย่างหลงไหล และในทีสุด... คุณจูบกัน ถ้าคุณเต็มใจ เขาก็จะจูงมือคุณเข้าห้องนอน ซึ่งขั้นตอนต่างๆ จะค่อยๆ เริ่มขึ้น เขาจูบคุณที่ซอกคอ ติ่งหู ไหปลาร้า และทุกที่ยกเว้น ส่วนสำคัญ จนเขามั่นใจว่าคุณฝืนต่อไปไม่ไหวแล้วนั่นแหละ
นี่นับเป็นบทรักที่ยอดเยี่ยมที่จะทำได้ เป็นบทรักประณีตเชื่องช้าที่ต้องใช้สมาธิสูง เพื่อป้องกัน ไม่ให้ทุกอย่างจบลงในนาทีที่เขาเห็นคุณเปลือย ซึ่งเท่าที่รู้ไม่เคยเกิดขึ้น มาก่อนเป็นเซ็กซ์ในแบบที่เขาต้องการทำให้แขนขาของคุณ อ่อนปวกเปียก และจดจำว่าเขาคือนักรักคนหนึ่ง และกระหายรสสัมผัสของเขาตลอดช่วง 2 อาทิตย์ที่คุณต้องพักฟื้นร่างกายนั่นเทียว
3. บทรักมืนเมา
ลึกๆในใจผู้ชายรู้ดีว่าพวกเขาจะดูอุบาทว์ที่สุด หลังจากดื่มเหล้าไปแล้วหลายแก้ว แต่โชคดีที่มีผู้หญิงบางคนยอมหลับนอนกับผู้ชาย เมื่อเขาหรือคุณเมา
และนี่คือฉากเชิญชวน ที่พบเห็นได้ทั่วไป ในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง เขาคว้าเหล้า มากรึ๊บ หลังจากพอได้ที่แล้ว เขาก็เริ่มเอาตัวอักษรแม่เหล็กติดตัวตู้เย็น มานั่งเรียงเป็นคำลามก แถมยังเต้น สะบัด แบบเพลง "Oopss I did it again" โดยไม่สนใจ ว่า จะเป็นเพลงอะไรก็ตาม จากนั้น เขาก็ชวนคุณเต้นรำ พร้อมทั้งสายตาที่จ้องคุณแบบเย้มฉ่ำ (เพราะเมา) คำพูดระรื่นหู เริ่มออกจากปากเขา ไม่ว่าคุณจะอัปลักษณ์เพียงไหน ก็สวยในสายตาเขา ขณะนั้น สุดท้ายเรื่องคงจบลงที่เตียง แต่กว่าเขาจะพาคุณไปที่เตียง และบรรจงถอดเสื้อของคุณทีละชิ้นได้นั้น มันแสนยากเย็น (ยกเว้นคุณช่วยถอด) เพราะฤทธิ์เข้าแอลกอฮอล์ จะทำให้ความสามารถของเขาลดลง รวมทั้งทางเพศในขณะนั้นด้วย ฉะนั้น กว่าคุณทั้งสองจะถึงจุดสุดยอดคงใช้เวลา อย่าให้เขาอ๊วกใส่บนตัวคุณละกัน เพราะไม่งั้นหมดสนุกแน่
4. บทรักสอนเชิง
เดี๋ยวนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากสมัยก่อน โดยเริ่มตั้งแต่ยุคทศวรรษ 70 ที่ผู้หญิงเคลื่อนไหว ประกาศจุดยืนว่า เพศหญิงและเพศชายมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ในการหาความพีงพอใจทางเพศ นับแต่นั้นผู้หญิงก็มีสิทธิ์ ในทางการเมือง มีสิทธิ์พูดว่า ตื่นเร็วที่รัก นี่เช้าวันศุกร์นะ เราต้องทำอะไรกันหน่อย หรือไม่แปลกที่จะพูดว่า "รอก่อนที่รัก ฉันกำลังจะเสร็จเดี๋ยวนี้แล้วนะ" ผู้หญิงสมัยใหม่ มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง ความสุขสุดอย่างอีกสักครั้ง หรือ อีกหลายครั้งก็ได็
ประเด็นสำคัญคือผู้ชายต้องรู้จักจุดปลุกเร้าอื่นของผู้หญิง นอกเหนือจากอวัยวะสำคัญใต้สะดือด้วย ซึ่งสาวๆ ก็เต็มใจอย่างยิ่งที่จะช่วยเจาในเรื่องนี้ และนี่คือสาเหตุที่ผู้ชายเดี๋ยวนี้ต้องอ่านคู่มือ ประกอบกิจบนเตียง
อวัยวะสำคัญของหญิงสาวก็คือ ปลายประสาทจำนวนมากนั่นเอง ซึ่งผู้หญิงต้องช่วยคุณผู้ชายค้นหา เดี่ยวนี้ผู้ชายเขาให้เกียรติสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้น ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นอะไร และน่าคิดว่า พระเจ้าคงเป็นผู้ชายจริงๆ เพราะถ้าเป็นผู้หญิงคงจะทำป้ายติดตรงคลิตอริส แล้วว่า "นี่คุณ ฉันอยู่ตรงนี้"
เจ้าส่วนนี้ของผู้หญิง ที่ได้ยินชื่อกันบ่อย ไม่เพียงแต่ยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่าของผู้ชายเท่านั้นนะ มันยังสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้ด้วย คุณคงกรีดร้องแย้งว่า "เป็นไปไม่ด้าย..ย....." แต่เรามีข้อพิสูจน์ว่ามันเป็นไปแล้ว ผู้ชายหลายคุณเป็นพยานได้ เพราะขณะที่เขากำลังทำหน้าที่อย่างแข็งขัน บริเวณส่วนนี้เพื่อมอบความสุขแก่คู่รัก พวกเธอจะชี้นำ เสมอว่า "ไปทางขวานิดค่ะ ขึ้นมาอีกหน่อย มากไปแล้ว ลงมาอีก" เห็นไหมล่ะว่ามันย้ายที่ได้ แต่คุณจะเพลิดเพลินมีความสุขมาก และเชื่อไหมว่าสิ่งกระตุ้นอารมณ์ผู้ชายสิ่งหนึ่งคือการที่เขารู้ว่า เขากำลังทำให้คู่รักตื่นเต้น
5. บทรักคุ้นเคย
เป็นบทรักที่เกิดขึ้น เมื่อความสัมพันธ์ราบรื่น มั่นคงแล้ว แต่ต้องยอมรับว่า ความเร่าร้อนทางเพศจางลง เหลือแค่ความอบอุ่นยั่งยืนเท่านั้น อาจเกิดขึ้นแม้ในขณะที่คุณกำลังอ่านหนังสือบนเตียง ส่วนเขาดูกีฬาทางจอทีวีอยู่ก็ได้
เขาเข้าหาคุณ และรับรู้ถึงภาษากาย และท่าทีของคุณว่าเป็นใจให้ความสนุกเกิดขึ้น และเมื่อเริ่มต้นก็จะคล้ายคลึงอย่างมากกับครั้งที่แล้ว แต่แน่นอนว่าให้ความรู้สึกดี คุณคุ้นเคยกับร่างกายของอีกฝ่ายหนึ่ง รู้ดีว่าอย่างไร เมื่อไหร่ และตรงไหนที่อีกฝ่ายหนึ่งอยากให้สัมผัส และต่างเรียนรู้ที่จะอ่านปฎิกิริยาตอบสนองทางร่างกาย ของกันและกัน เพราะช่วงเวลานี้เน้นประสาทสัมผัสทางร่างกายอย่างมาก จึงย่อมไม่ใช่บทรักมาราธอน แต่ทุกๆ วินาทีมีแต่คุณภาพ
6. บทรักรำลึก ความหลัง
คุณอาจจะเลิกลากับแฟนคนเก่าอย่างขมขื่นใจ เต็มไปด้วยน้ำตา และความคั่งแค้นใจ ปวดใจ และเสียใจ หรืออาจจะเป็นการเลิกราแบบศิวิไลซ์ในร้านกาแฟ โดยตกลงว่าเป็นเพื่อนกัน 6 เดือนต่อมาเขาก็โทรมาหาคุณ และทักทายคุณ คุณตกลงมาพบเขาเพื่อจะหาอะไรดื่มสักเล็กน้อย จากนั้นตัดฉากเห้นคุณเดินเปล่าเปลือยอยู่ในอพาตเม้นท์ของเขา ซึ่งคุณยังรู้ที่ทางดีแม้ในความมืด
เซ็กซ์ยอดเยี่ยมมาก ลองนึกดูเถอะว่าคู่รักใหม่ แต่รู้ดีว่าจุดไหนสั่นประสาทคุณน่ะจะไม่ดีได้อย่างไร แน่นอนว่าคุณต่างรู้ดีว่ามันหมายถึงอาหารเช้า พร้อมข้อตกลงว่า "เมื่อคืนคือความผิดพลาด" คุณจะกอดกันและสัญญาว่าจะโทรไปหากันเร็วๆนี้ และไม่คุยกันไปอีกนาน 6 เดือน จากนั้นไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะโทรหาว่า "แค่อยากทักทายน่ะ"
7. บทรักสั่งลา
ผู้หญิงหลายคนพยายามลดทอนความเจ็บปวดที่ทิ้งผู้ชายสักคน ด้วยการหลับนอนกับเขาเป็น "ครั้งสุดท้าย" ผู้ชายบางคนต้องการต่อสู้กับความเจข็บปวดนั้นมากกว่าที่จะถูกลดทอนคุณค่าด้วยเซ็กซืสั่งลา และวามขัดแย้งในตัวมันเอง แต่กับผู้ชายอีกหลายคนเเซ็กซ์ก็ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดชั่วขณะได้บ้าง เป็นบทรักที่สนิทสนมอ่อนโยนซึ่งคุณเชื่อว่าคุณกำลังทำให้เขารู้สึกเป็นฝ่ายถูกทอดทิ้งน้อยลง ในทางตรงกันข้ามเขากลับจะรู้สึกว่านี่คือโอกาสสุดท้ายที่คุณ(คนโง่) จะได้ร่วมรักกับนักรักที่สุดยอดเช่นเขา เขาย่อมเจ็บปวดอยู่ดีในวันถัดไป ขณะที่คุณจะรู้สึกเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย เป็นเจ็บที่รู้สึกดี ไหนๆ คุณก็ทนอยู่กับเขามามากพอแล้ว คุณก็สมควรได้รับบทรักแบบทุ่มเทจิตใจเช่นนั้นของเขาเป็นครั้งสุดท้ายสิ
แต่เท่าที่ได้อ่าน ได้ยิน ได้รับรู้กันมาผู้หญิงจำนวนมาก ไม่สนุกกับการหลอกตัวเองในระดับเดียวกันนั้น อาจเป็นเพราะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างโหดร้ายมาก่อน หรืออาจะเป็นเพราะกังวลใจไปเอง ซึ่งผู้ชายไม่มีวัน และไม่เคยเข้าใจความรู้สึกเหล่านี้ ถึงอย่างไรก็ขอรับรองว่าขณะที่ผู้ชายกำลังบรรเลงเพลงรักกับคุณอยู่นั้น เขาจะไม่พิจารณาอวัยวะของคุณ ซึ่งคุณเห็นว่าบกพร่อง แม้แต่น้อย ไม่ต้องนึกถึงเรื่องที่เขาจะชอบหรือไม่ชอบเลยด้วยซ้ำ
ข้อเสียที่มาพร้อมกับการไม่ใส่ใจภาพลักษณ์ตัวเอง และความมั่นใจเหลือหลาย ของผู้ชายในเรื่องบนเตียง คือพวกเขามักจะ เชื่อว่าตัวเองเป็นคู่รักที่ดีว่า ความเป็นจริง จะพูดให้เห็นภาพก็คือ คุณจับผู้ชายมา 10 คน และถามว่าเขาคิดว่าตัวเองเป็นนักวิงที่เก่งหรือเปล่า อาจมี 2 หรือ 3 คนตอบว่า เป็นสิ อาจมี 4 คนตอบบว่าก็ใช้ได้ ส่วนที่เหลือก็จะบอกว่า "ยังห่างไกลมืออาชีพนัก" แต่ถ้าถามผู้ชายกลุ่มเดิมว่า เขาเป็นนักรักที่เก่งหรือเปล่า เก้าในสิบคน จะบอกว่าตัวเองดีกว่ามาตรฐานทันที คุณอาจแย้งทันควันว่า ไม่จริงย่ะ ไม่จริงย่ะ ซึ่งถูกต้องเพราะบทบาทการแสดงออกบนเตียงของผู้ชาย นั้นมีจำกัด เหมือนเวลาคัดเลือกตัวแสดงนั่นแหละ บทที่มีจำกัดก็เลยต้องจำกัดคนเก่งไปด้วย และนี่คือบทรักที่ผู้ชายแสดงมาที่สุด
1. บทรักบ้าคลั่ง
เรื่องเกิดขึ้นในค่ำคืนหนึ่ง อาจเป็นเพราะดื่มแอลกอฮอล์ที่ปลดปล่อยฮอร์โมนในปริมาณได้ที่ หรืออาจเป็นเพราะจันทร์เต็มดวง หรืออาจเพราะเขาถูกปลุกเร้า และระเบิดแรงปราถนา ที่ร่างกายต้องการผ่อนคลาย ถือว่าเป็นเซ็กซ์ที่ห่าม และรวดเร็วที่สุดที่ผู้ชาย สามารถทำได้ กระโปรงจะถูกถลกขึ้น ท่าใหม่ๆ เริ่มบรรเลง เสียงครวญครางดังก้อง และบทพูดคุยลามกเกินฟังไหว ประหนึ่งว่า เขากำลังทดสอบบทในหนังโปยังไงยังงั้น ลืมไปเลยเรื่องความผูกพันทางใจ หรือความอ่อนโยน มีแต่กามกิจที่ต้องทำให้ลุล่วงเท่านั้น หลังจากนั้น คุณสองคนก็จะ พยายามกลบเกลื่อนบรรยากาศดิบห่าม เมื้อกี้โดยการแสดงความรักด้วยการ กอดและจิบน้ำชาพร้อมกับกระซิบว่า "สุดยอด" ส่วนที่ดีที่สุดในบทรักแบบนี้คือ คุณต่างพอใจทั้งสองฝ่าย
2. บทรักเตรียมพร้อม
อาจเริ่มต้นด้วยคำเชิญชวน หรือพูดให้ถูกก็คือแผนการที่จะพาคุณกลับที่พักของเขาอาจเป็นลูกไม้เก่านัดไปปรึกษาหารือ หรือพบปะสังสรรค์ก่อนจะ "อยากดื่มกาแฟ หน่อยไหม" ผู้ชายบางคนถึงกับลงทุนโกหกว่า "ไง... ผมเองนะ ผมรู้สึกไม่สบายใจเลย มาเจอผมหน่อยได้ไหม" คงนึกภาพออกนะว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เขาอยากทำให้คุณประทับใจกับรสนิยม อันดี และความรักศิลปะของเขา ซึ่งก็ต้องเตรียมด้วยการโกยเสื้อผ้าที่ไม่น่าจะมีอยู่ในตู้เสื้อผ้าเขาเข้าตะกร้า โละกล่องพิซซ่ากองพะเนินทิ้ง ซื้อกระดาษทิชชู่ม้วนหนาสองชั้น และจุดเทียนให้รอบบ้าน อาจจะซื้อตำราทำอาหารไว้ด้วย แต่เตรียมอุ่นอาหารแช่แข็งที่วื้อมาจัดฉากว่าเป็นอาหาร "ทำเองใหม่ๆ" ขณะเดียวกันก็จะประดับที่พักด้วยแสงสลัว เล่น ซีดีเพลงคลาสิค ที่แถมมากับเครื่องและทำสิ่งน่าแปลกใจสุดๆ คือการเปลี่ยนผ้าปูทีนอน
30 วินาทีก่อนคุณมาถึง เขาจะดึงหนังสือปกแข็ง ออกจากชั้นและวางไว้ในเก้าอี้ เพื่อให้คุณประทับใจว่าการนั่งในห้องที่มีแสงเทียนสลัว ฟังเพลงของ Bach และอ่านผลงานของ ตอล สตอย ไปขณะที่อาหารสดใหม่เตรียมพร้อมอยู่ในครัว เป็นชีวิตปกติ ธรรมดา สำหรับคนเช่นเขา ที่ชอบแสวงหา ความรู้ใส่ตัวและแสนจะโรแมนติก เจาอาจสำรวจฉากสวยๆ นี้อีก 1 นาที และรับรอง กับตัวเองอย่างโอ่อ่าว่า "เธอจะห้ามใจอย่างไรไหว เมื่อเห็นเราในฉากนี้"
เมื่อคุณมาถึง เสื้อแจ๊คเก็ต จะถูกถอดออก คุณดื่มไวน์ เขาฟังทุกพยางค์ที่คุณพูด อย่างหลงไหล และในทีสุด... คุณจูบกัน ถ้าคุณเต็มใจ เขาก็จะจูงมือคุณเข้าห้องนอน ซึ่งขั้นตอนต่างๆ จะค่อยๆ เริ่มขึ้น เขาจูบคุณที่ซอกคอ ติ่งหู ไหปลาร้า และทุกที่ยกเว้น ส่วนสำคัญ จนเขามั่นใจว่าคุณฝืนต่อไปไม่ไหวแล้วนั่นแหละ
นี่นับเป็นบทรักที่ยอดเยี่ยมที่จะทำได้ เป็นบทรักประณีตเชื่องช้าที่ต้องใช้สมาธิสูง เพื่อป้องกัน ไม่ให้ทุกอย่างจบลงในนาทีที่เขาเห็นคุณเปลือย ซึ่งเท่าที่รู้ไม่เคยเกิดขึ้น มาก่อนเป็นเซ็กซ์ในแบบที่เขาต้องการทำให้แขนขาของคุณ อ่อนปวกเปียก และจดจำว่าเขาคือนักรักคนหนึ่ง และกระหายรสสัมผัสของเขาตลอดช่วง 2 อาทิตย์ที่คุณต้องพักฟื้นร่างกายนั่นเทียว
3. บทรักมืนเมา
ลึกๆในใจผู้ชายรู้ดีว่าพวกเขาจะดูอุบาทว์ที่สุด หลังจากดื่มเหล้าไปแล้วหลายแก้ว แต่โชคดีที่มีผู้หญิงบางคนยอมหลับนอนกับผู้ชาย เมื่อเขาหรือคุณเมา
และนี่คือฉากเชิญชวน ที่พบเห็นได้ทั่วไป ในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง เขาคว้าเหล้า มากรึ๊บ หลังจากพอได้ที่แล้ว เขาก็เริ่มเอาตัวอักษรแม่เหล็กติดตัวตู้เย็น มานั่งเรียงเป็นคำลามก แถมยังเต้น สะบัด แบบเพลง "Oopss I did it again" โดยไม่สนใจ ว่า จะเป็นเพลงอะไรก็ตาม จากนั้น เขาก็ชวนคุณเต้นรำ พร้อมทั้งสายตาที่จ้องคุณแบบเย้มฉ่ำ (เพราะเมา) คำพูดระรื่นหู เริ่มออกจากปากเขา ไม่ว่าคุณจะอัปลักษณ์เพียงไหน ก็สวยในสายตาเขา ขณะนั้น สุดท้ายเรื่องคงจบลงที่เตียง แต่กว่าเขาจะพาคุณไปที่เตียง และบรรจงถอดเสื้อของคุณทีละชิ้นได้นั้น มันแสนยากเย็น (ยกเว้นคุณช่วยถอด) เพราะฤทธิ์เข้าแอลกอฮอล์ จะทำให้ความสามารถของเขาลดลง รวมทั้งทางเพศในขณะนั้นด้วย ฉะนั้น กว่าคุณทั้งสองจะถึงจุดสุดยอดคงใช้เวลา อย่าให้เขาอ๊วกใส่บนตัวคุณละกัน เพราะไม่งั้นหมดสนุกแน่
4. บทรักสอนเชิง
เดี๋ยวนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากสมัยก่อน โดยเริ่มตั้งแต่ยุคทศวรรษ 70 ที่ผู้หญิงเคลื่อนไหว ประกาศจุดยืนว่า เพศหญิงและเพศชายมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ในการหาความพีงพอใจทางเพศ นับแต่นั้นผู้หญิงก็มีสิทธิ์ ในทางการเมือง มีสิทธิ์พูดว่า ตื่นเร็วที่รัก นี่เช้าวันศุกร์นะ เราต้องทำอะไรกันหน่อย หรือไม่แปลกที่จะพูดว่า "รอก่อนที่รัก ฉันกำลังจะเสร็จเดี๋ยวนี้แล้วนะ" ผู้หญิงสมัยใหม่ มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง ความสุขสุดอย่างอีกสักครั้ง หรือ อีกหลายครั้งก็ได็
ประเด็นสำคัญคือผู้ชายต้องรู้จักจุดปลุกเร้าอื่นของผู้หญิง นอกเหนือจากอวัยวะสำคัญใต้สะดือด้วย ซึ่งสาวๆ ก็เต็มใจอย่างยิ่งที่จะช่วยเจาในเรื่องนี้ และนี่คือสาเหตุที่ผู้ชายเดี๋ยวนี้ต้องอ่านคู่มือ ประกอบกิจบนเตียง
อวัยวะสำคัญของหญิงสาวก็คือ ปลายประสาทจำนวนมากนั่นเอง ซึ่งผู้หญิงต้องช่วยคุณผู้ชายค้นหา เดี่ยวนี้ผู้ชายเขาให้เกียรติสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้น ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นอะไร และน่าคิดว่า พระเจ้าคงเป็นผู้ชายจริงๆ เพราะถ้าเป็นผู้หญิงคงจะทำป้ายติดตรงคลิตอริส แล้วว่า "นี่คุณ ฉันอยู่ตรงนี้"
เจ้าส่วนนี้ของผู้หญิง ที่ได้ยินชื่อกันบ่อย ไม่เพียงแต่ยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่าของผู้ชายเท่านั้นนะ มันยังสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้ด้วย คุณคงกรีดร้องแย้งว่า "เป็นไปไม่ด้าย..ย....." แต่เรามีข้อพิสูจน์ว่ามันเป็นไปแล้ว ผู้ชายหลายคุณเป็นพยานได้ เพราะขณะที่เขากำลังทำหน้าที่อย่างแข็งขัน บริเวณส่วนนี้เพื่อมอบความสุขแก่คู่รัก พวกเธอจะชี้นำ เสมอว่า "ไปทางขวานิดค่ะ ขึ้นมาอีกหน่อย มากไปแล้ว ลงมาอีก" เห็นไหมล่ะว่ามันย้ายที่ได้ แต่คุณจะเพลิดเพลินมีความสุขมาก และเชื่อไหมว่าสิ่งกระตุ้นอารมณ์ผู้ชายสิ่งหนึ่งคือการที่เขารู้ว่า เขากำลังทำให้คู่รักตื่นเต้น
5. บทรักคุ้นเคย
เป็นบทรักที่เกิดขึ้น เมื่อความสัมพันธ์ราบรื่น มั่นคงแล้ว แต่ต้องยอมรับว่า ความเร่าร้อนทางเพศจางลง เหลือแค่ความอบอุ่นยั่งยืนเท่านั้น อาจเกิดขึ้นแม้ในขณะที่คุณกำลังอ่านหนังสือบนเตียง ส่วนเขาดูกีฬาทางจอทีวีอยู่ก็ได้
เขาเข้าหาคุณ และรับรู้ถึงภาษากาย และท่าทีของคุณว่าเป็นใจให้ความสนุกเกิดขึ้น และเมื่อเริ่มต้นก็จะคล้ายคลึงอย่างมากกับครั้งที่แล้ว แต่แน่นอนว่าให้ความรู้สึกดี คุณคุ้นเคยกับร่างกายของอีกฝ่ายหนึ่ง รู้ดีว่าอย่างไร เมื่อไหร่ และตรงไหนที่อีกฝ่ายหนึ่งอยากให้สัมผัส และต่างเรียนรู้ที่จะอ่านปฎิกิริยาตอบสนองทางร่างกาย ของกันและกัน เพราะช่วงเวลานี้เน้นประสาทสัมผัสทางร่างกายอย่างมาก จึงย่อมไม่ใช่บทรักมาราธอน แต่ทุกๆ วินาทีมีแต่คุณภาพ
6. บทรักรำลึก ความหลัง
คุณอาจจะเลิกลากับแฟนคนเก่าอย่างขมขื่นใจ เต็มไปด้วยน้ำตา และความคั่งแค้นใจ ปวดใจ และเสียใจ หรืออาจจะเป็นการเลิกราแบบศิวิไลซ์ในร้านกาแฟ โดยตกลงว่าเป็นเพื่อนกัน 6 เดือนต่อมาเขาก็โทรมาหาคุณ และทักทายคุณ คุณตกลงมาพบเขาเพื่อจะหาอะไรดื่มสักเล็กน้อย จากนั้นตัดฉากเห้นคุณเดินเปล่าเปลือยอยู่ในอพาตเม้นท์ของเขา ซึ่งคุณยังรู้ที่ทางดีแม้ในความมืด
เซ็กซ์ยอดเยี่ยมมาก ลองนึกดูเถอะว่าคู่รักใหม่ แต่รู้ดีว่าจุดไหนสั่นประสาทคุณน่ะจะไม่ดีได้อย่างไร แน่นอนว่าคุณต่างรู้ดีว่ามันหมายถึงอาหารเช้า พร้อมข้อตกลงว่า "เมื่อคืนคือความผิดพลาด" คุณจะกอดกันและสัญญาว่าจะโทรไปหากันเร็วๆนี้ และไม่คุยกันไปอีกนาน 6 เดือน จากนั้นไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะโทรหาว่า "แค่อยากทักทายน่ะ"
7. บทรักสั่งลา
ผู้หญิงหลายคนพยายามลดทอนความเจ็บปวดที่ทิ้งผู้ชายสักคน ด้วยการหลับนอนกับเขาเป็น "ครั้งสุดท้าย" ผู้ชายบางคนต้องการต่อสู้กับความเจข็บปวดนั้นมากกว่าที่จะถูกลดทอนคุณค่าด้วยเซ็กซืสั่งลา และวามขัดแย้งในตัวมันเอง แต่กับผู้ชายอีกหลายคนเเซ็กซ์ก็ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดชั่วขณะได้บ้าง เป็นบทรักที่สนิทสนมอ่อนโยนซึ่งคุณเชื่อว่าคุณกำลังทำให้เขารู้สึกเป็นฝ่ายถูกทอดทิ้งน้อยลง ในทางตรงกันข้ามเขากลับจะรู้สึกว่านี่คือโอกาสสุดท้ายที่คุณ(คนโง่) จะได้ร่วมรักกับนักรักที่สุดยอดเช่นเขา เขาย่อมเจ็บปวดอยู่ดีในวันถัดไป ขณะที่คุณจะรู้สึกเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย เป็นเจ็บที่รู้สึกดี ไหนๆ คุณก็ทนอยู่กับเขามามากพอแล้ว คุณก็สมควรได้รับบทรักแบบทุ่มเทจิตใจเช่นนั้นของเขาเป็นครั้งสุดท้ายสิ
เรื่องบนเตียง ที่สาวๆ ไม่ปรารถนา
เราเสียใจด้วยที่ต้องขัดคอคุณ แต่ขอโทษเถอะนะ ไอ้เจ้าไอเดียอีโรติกบางอย่างของคุณนี่สิ มันไม่ได้ทำให้พวกผู้หญิงสุขสันต์ซาบซ่าเสมอไปหรอกนะ ลองอ่านคำแนะนำของเรา เพื่อปรับบทพิศวาสของคุณให้ถูกต้อง
เปลี่ยนท่าทุก 10 วินาที
แน่นอนว่าศึกรบศึกรักระหว่างชายหญิง ย่อมต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์กันบ้าง แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ (นอกเสียจากจะจบจากหลักสูตรฤษีดัดตน) ไม่มีใครอยากเลียนท่าตามตำรากามสูตรให้ครบทุกท่าภายในคืนเดียว "การเปลี่ยนท่ามากเกินไป ไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้หญิงรู้สึกเหมือนตัวเองกายเป็นนักกายกรรมแล้ว มันยังไปขัดจังหวะการถึงจุด climax ของเธอด้วย" ตามจริงแล้วผู้หญิงต้องการความต่อเนื่องของท่วงท่า เพื่อสร้างอารมณืให้ถึง climax
ผู้หญิงพร้อมที่จะลองท่าต่างๆ สัก 2-3 ท่า แต่ขอร้องกรุณาให้เวลาแต่ละท่าไม่ต่ำกว่า 5 นาที จำไว้ว่า คุณมีเวลาอีกเหลือเฟือที่จะลองท่าโรมรันพันตูพิสดารที่คุณอยากลอง ถ้าขืนคุณปล่อยออกมาใช้เสียหมด แล้วคราวหน้าจะมีท่าไหนมาสร้างความกระสันต์ให้กับสาวๆ ล่ะ
ใช้อาหารกับพื้นที่ใต้เข็มขัด
มันดูออกจะน่าตื่นเต้นดีอยู่หรอก ที่คุณจะลองเอาพวกวิปครีม ชอกโกแลต ไปละเลงอยู่ตรงแถวๆ นั้นของคู่ของคุณ แล้วคุณก็เตรียมพร้อมที่จะจัดการกับมันให้สะอาดด้วยลิ้น แบบ ซิงหาพาเพลิน แต่ข้อสำคัญที่คุณต้องนึกถึงเกี่ยวกับปฎิกิริยาทางเคมี ที่ของกินเหล่านั้นอาจจะไปทำปฎิกิริยาเปลี่ยน ค่า pH (ค่าความเป็นกรด-ด่าง) ของบริเวณถ้ำ และอาจทำให้สาวเจ้าเกิดการติดเชื้อโรคได้ง่าย ผลพลอยได้อาจเลยเถิดตกเป็นของคุณผู้ซึ่งเล่นบทรักด้วยลิ้น ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว หากคุณจะลองเปลี่ยนมาละเลงของเหล่านั้นเหนือสะดือขึ้นมาสักหน่อย หรือหากอดไม่ได้จริงๆ ลองเปลี่ยนมาเป็นสารหล่อลื่นรสอร่อย จะเพิ่มความปลอดภัยให้คุณได้ไม่น้อย
ขย้ำขยี้หน้าอก
คุณอาจจะไม่เคยรู้ตัว หรือหลงลืมไปว่าหน้าอก ของสาวๆ นั้นคือเนื้อก้อนหนึ่ง ที่มีเส้นประสาทอยู่มากมาย ระหว่างคุณมีเซ็กซ์กับเธอ คุณมักจะเผลอขย้ำ ขยี้ บี้ ควัก เหมือนอย่างในหนัง x แบบพี่ยุ่นเขา แต่หญิงสาวเหล่านั้นคงรู้สึกเจ็บไม่น้อย แต่คงไม่กล้าบอก เพราะกล้วการบอกคุณในขณะนั้น อาจจะทำให้การกินข้าวต้มของคุณไม่อร่อย (รวมหมายถึงตัวสาวเจ้าเองด้วย) ไหนจะกำลังเมามัน อารมณ์พรั่นพรึงกับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่บนนาของเธอ ขืนร้องออกมาว่าเจ็บ อาจจะพาลให้คุณหมดสนุก แถมเธอคงอดด้วย
ในทางกลับกัน แทนที่คุณจะขยำมันเหมือนก้อนแป้งขนมปัง แต่คุณลองเอามือสัมผัสเนินอกของเธออย่างเบาๆ คลึงเคล้า ไปมาเป็นวงกลม มันกลับจะช่วยเพิ่มความกระสันได้ไม่น้อย
มีเซ็กซ์ในอ่างอาบน้ำ
หนังเอ็กซ์หลายเรื่องมักจะเสนอบทรักพิสดาร เพื่อสร้างความแปลกใหม่ ให้กับคนดู แต่มันก็ยังคงเป็นแค่หนังที่คงเอามาปฎิบัติจริงไม่ได้ หนึ่งในฉากรักพิสดารมันเป็นฉาก make love กันในน้ำ ไม่ว่าจะเป็นอ่างอาบน้ำ อ่าง jacuzzi หรือจะเป็นตาม สระน้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง รวมถึง แม่น้ำ และน้ำตก คุณต้องไม่ลืมว่าน้ำเหล่านั้นจะชำระล้างสารหล่อลื่น ที่คุณสาวๆ หลั่งออกมา และมันจะช่วยให้การร่วมรักของคุณยากขึ้น และทำให้สาวๆ นั้นเจ็บปวด เพราะสารหล่อลื่นถูกล้างออกไป และความฝืดนี้เองอาจทำให้อวัยวะเพศของฝ่ายหญิงนั้นฉีกขาด หรือติดเชื้อได้ง่าย
ถ้าหากคุณเลี่ยงไม่ได้ จริงๆ ควรแค่ปลุกเร้ากันในน้ำก่อน แล้วจากนั้นค่อยเขยิบขึ้นมาบนบก และพร้อมที่จะเข้าได้เข้าเข็มกันอย่างจริงจัง
เปลี่ยนท่าทุก 10 วินาที
แน่นอนว่าศึกรบศึกรักระหว่างชายหญิง ย่อมต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์กันบ้าง แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ (นอกเสียจากจะจบจากหลักสูตรฤษีดัดตน) ไม่มีใครอยากเลียนท่าตามตำรากามสูตรให้ครบทุกท่าภายในคืนเดียว "การเปลี่ยนท่ามากเกินไป ไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้หญิงรู้สึกเหมือนตัวเองกายเป็นนักกายกรรมแล้ว มันยังไปขัดจังหวะการถึงจุด climax ของเธอด้วย" ตามจริงแล้วผู้หญิงต้องการความต่อเนื่องของท่วงท่า เพื่อสร้างอารมณืให้ถึง climax
ผู้หญิงพร้อมที่จะลองท่าต่างๆ สัก 2-3 ท่า แต่ขอร้องกรุณาให้เวลาแต่ละท่าไม่ต่ำกว่า 5 นาที จำไว้ว่า คุณมีเวลาอีกเหลือเฟือที่จะลองท่าโรมรันพันตูพิสดารที่คุณอยากลอง ถ้าขืนคุณปล่อยออกมาใช้เสียหมด แล้วคราวหน้าจะมีท่าไหนมาสร้างความกระสันต์ให้กับสาวๆ ล่ะ
ใช้อาหารกับพื้นที่ใต้เข็มขัด
มันดูออกจะน่าตื่นเต้นดีอยู่หรอก ที่คุณจะลองเอาพวกวิปครีม ชอกโกแลต ไปละเลงอยู่ตรงแถวๆ นั้นของคู่ของคุณ แล้วคุณก็เตรียมพร้อมที่จะจัดการกับมันให้สะอาดด้วยลิ้น แบบ ซิงหาพาเพลิน แต่ข้อสำคัญที่คุณต้องนึกถึงเกี่ยวกับปฎิกิริยาทางเคมี ที่ของกินเหล่านั้นอาจจะไปทำปฎิกิริยาเปลี่ยน ค่า pH (ค่าความเป็นกรด-ด่าง) ของบริเวณถ้ำ และอาจทำให้สาวเจ้าเกิดการติดเชื้อโรคได้ง่าย ผลพลอยได้อาจเลยเถิดตกเป็นของคุณผู้ซึ่งเล่นบทรักด้วยลิ้น ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว หากคุณจะลองเปลี่ยนมาละเลงของเหล่านั้นเหนือสะดือขึ้นมาสักหน่อย หรือหากอดไม่ได้จริงๆ ลองเปลี่ยนมาเป็นสารหล่อลื่นรสอร่อย จะเพิ่มความปลอดภัยให้คุณได้ไม่น้อย
ขย้ำขยี้หน้าอก
คุณอาจจะไม่เคยรู้ตัว หรือหลงลืมไปว่าหน้าอก ของสาวๆ นั้นคือเนื้อก้อนหนึ่ง ที่มีเส้นประสาทอยู่มากมาย ระหว่างคุณมีเซ็กซ์กับเธอ คุณมักจะเผลอขย้ำ ขยี้ บี้ ควัก เหมือนอย่างในหนัง x แบบพี่ยุ่นเขา แต่หญิงสาวเหล่านั้นคงรู้สึกเจ็บไม่น้อย แต่คงไม่กล้าบอก เพราะกล้วการบอกคุณในขณะนั้น อาจจะทำให้การกินข้าวต้มของคุณไม่อร่อย (รวมหมายถึงตัวสาวเจ้าเองด้วย) ไหนจะกำลังเมามัน อารมณ์พรั่นพรึงกับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่บนนาของเธอ ขืนร้องออกมาว่าเจ็บ อาจจะพาลให้คุณหมดสนุก แถมเธอคงอดด้วย
ในทางกลับกัน แทนที่คุณจะขยำมันเหมือนก้อนแป้งขนมปัง แต่คุณลองเอามือสัมผัสเนินอกของเธออย่างเบาๆ คลึงเคล้า ไปมาเป็นวงกลม มันกลับจะช่วยเพิ่มความกระสันได้ไม่น้อย
มีเซ็กซ์ในอ่างอาบน้ำ
หนังเอ็กซ์หลายเรื่องมักจะเสนอบทรักพิสดาร เพื่อสร้างความแปลกใหม่ ให้กับคนดู แต่มันก็ยังคงเป็นแค่หนังที่คงเอามาปฎิบัติจริงไม่ได้ หนึ่งในฉากรักพิสดารมันเป็นฉาก make love กันในน้ำ ไม่ว่าจะเป็นอ่างอาบน้ำ อ่าง jacuzzi หรือจะเป็นตาม สระน้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง รวมถึง แม่น้ำ และน้ำตก คุณต้องไม่ลืมว่าน้ำเหล่านั้นจะชำระล้างสารหล่อลื่น ที่คุณสาวๆ หลั่งออกมา และมันจะช่วยให้การร่วมรักของคุณยากขึ้น และทำให้สาวๆ นั้นเจ็บปวด เพราะสารหล่อลื่นถูกล้างออกไป และความฝืดนี้เองอาจทำให้อวัยวะเพศของฝ่ายหญิงนั้นฉีกขาด หรือติดเชื้อได้ง่าย
ถ้าหากคุณเลี่ยงไม่ได้ จริงๆ ควรแค่ปลุกเร้ากันในน้ำก่อน แล้วจากนั้นค่อยเขยิบขึ้นมาบนบก และพร้อมที่จะเข้าได้เข้าเข็มกันอย่างจริงจัง
รู้ได้อย่างไรว่า 'เขา' ไม่ใช่เกย์
สมัยนี้เป็นเรื่องยากกับการที่เราจะคบผู้ชายสักคน ไม่ว่าเขาจะมาจากครอบครับที่มีพื้นฐานเช่นไร จะยากดี มีจน คุณก็อาจจะเจอเจ๊คพอต ได้เหมือนกัน คือเจอสาวในร่างชาย หรืออาจจะเป็น ชายที่รักชายด้วยกัน แล้วชะนีอย่างคุณจะโง่เง่าให้เขาหลอกอยู่ทำไม !!!
10 วิธีง่ายๆ พิสูจน์ความเป็นชายของแฟนคุณกันดีกว่า
1. ลองสังเกตุพฤติกรรมการหยิบจับสิ่งของว่า นิ้วก้อยของเขากระเด้งเกินไปหรือเปล่า พวกผู้ชายเขาไม่ค่อยจับสิ่งของแค่นิ้ว สองนิ้วหรอก ถ้าเขาจับก็จับกันเต็มๆ มือไปเลย
2. สังเกตุว่าเขาแต่งตัวตามแฟชั่น หรือซื้อแต่หนังสือแมกกาซีนแต่งตัวของผู้ชายมากเกินไปหรือเปล่า คนอาไร้... จะสนใจแฟชั่น มากกว่า แฟนของตัวเองที่อยู่ข้างๆ ตัว พวกผู้ชายที่เป็นเกย์ เขาจะเป็นห่วงเรื่องรูปลักษณ์ (Look) ของเขามากๆ เพราะกลัวจะดูแย่ โทรม ไม่เป็นที่ดึงดูดต่อเพื่อนร่วมเพศเดียวกัน ฉะนั้น พวกเขาจึงต้องพยายาม ทุกวิถีทาง ที่จะทำตัวให้เป็นที่ต้องตา ต้องใจ ของเพื่อนในกลุ่มเกย์ด้วยกัน ถึงแม้ว่าในกรณีเช่นนี้ เขาไม่ใช่เกย์ แต่ขอให้เลิกไปเถอะ เพราะเขาคงจะเอาเวลา ไปทุ่มให้กับการแต่งตัว มากกว่าเอาเวลามาใส่ใจในตัวคุณ
3. สังเกตุท่านั่งของเขาดูสิว่า เขานั่งหนีบ หรือหุบเขา หรือไขว่ห้างหรือเปล่า เพราะผู้ชายเขาไม่ค่อยนั่งหุบเขาหรอก อิอิ มันอึดอัดน้องชายของเขา แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ การนั่งไขว่ห้างแบบผู้หญิงยิ่งทำให้เขาอึดอัดใหญ่เลย เพราะมันเป็นเหมือนปมด้อยของผู้ชายที่มีน้องน้อยเป็นเนื้องอก ยื่นยาวออกมานอกตัว ฉะนั้นเวลานั่งไขว่ห้างแบบที่ผู้หญิงนั่งกัน มันยิ่งทำให้เขาอึดอัดใหญ่เล้ย....ย... แต่พวกผู้ชายเขาจะมีท่านั่งไขว่ห้างอีกแบบหนึ่งนะ เขาจะยกเอาแค่ข้อเท้า หรือหน้าแข้งวางอยู่บนหน้าขาของขาอีกข้างหนึ่งเท่านั้นเอง
4. เวลาพูด พวกผู้ชายเขาจะไม่พูดแบบจีบปากจีบคอหรอกนะ เขาพูดเพราะเขาอยากจะพูด และมันจะเป็นธรรมชาติมากกว่า ไม่ต้องมานั่งดัดจริต ผิดวิสัยอยู่ เรื่องการจีบปากจีบคอ นั้นดูไม่ยาก อยากรู้ว่าการจีบปากจีบคอ เป็นอย่างไร ก็ไปดูในทีวีสิ มีทุกช่องเลย แฟนจ๋า ฉันแล้วจ๊ะ อยู่นี่มาแล้วน่ะ เขยิบมาใกล้ๆ....
5. เขาว่าผีย่อมเห็นผีด้วยกัน ฉะนั้นคุณของหาเพื่อนของคุณที่เป็น กระเทย(ประจัญบาน) มาร่วมสังเกตุการณ์ เพราะคนพวกนี้เขาจะมีเซนส์แรงมาก และหลายครั้งที่คุณแต๋วพวกนี้ สามารถจับสัญญาณคลื่นความเป็นเกย์ได้ โดยที่เครื่องมิเตอร์ของคุณกิ๊ก และคุณป๋อง แห่งรายการมิติลี้ลับต้องชิดซ้ายไปเลย
6. หรือว่าคุณจะลองหานายนกต่อ ล่อสัญชาติญาณสาวของเขาให้ออกมาติดกับ ด้วยการหาเพื่อนผู้ชายของคุณ ประเภทที่ว่า หน้าตาดี แถมหุ่นนายแบบได้ยิ่งดี ทำทีเป็นเดินผ่าน และเข้ามาทักทายคุณ ตอนนั้นแหละ ให้คุณสังเกตุสายตาเขา ถ้าเขาใช่ สายตาจะเป็นมัน เหมือนราสีห์ที่อยากจะงาบสมันหนุ่ม (เพื่อนคุณเสียเต็มประดา) ถ้ามีโอกาสได้สานต่อก็ให้เพื่อนคุณทำที เป็นว่าโทรเข้ามาหาคุณ แต่คุณไม่อยู่ ปล่อยโอกาสให้พวกเขาได้คุยกัน ถ้าแฟนคุณเขายื้อที่จะคุยกับเพื่อนคุณ ทั้งที่ คุณไม่อยู่ละก็ นั่นแสดงว่าเขากำลังสนใจเพื่อนของคุณเข้าแล้วแหละ
7. คนที่เป็นเกย์จะชอบวิพากย์วิจารณ์องค์ประกอบของสิ่งต่างๆ ไม่ว่าหน้าคน หรือสิ่งของ เพราะคนพวกนี้เขาจะเป็นคนละเอียดอ่อน ชอบศึกษาหรือ ดูเข้าไปถึงรายละเอียดของของนั้นๆ ยกตัวอย่างว่า ถ้าเขานั่งดูหนังกับคุณ แล้วเขาวิพากย์วิจารณ์ ดารานักแสดงคนนั้น ถึงรายละเอียดได้เป็นฉากๆ ตั้งแต่เรื่ององค์ประกอบของหน้า ว่าคิ้วคนนั้นเป็นอย่างนั้น จมูกไปทำมาแน่เลย หรือปากวาดไม่สวยเลย การแต่งตัวเสื้อผ้าสวย เก๋ เข้ากับฉากไหม บอกได้เลยว่านั่นไม่ใช่นิสัยผู้ชายที่แท้จริง เพราะผู้ชายที่แท้จริงเขาจะไม่ลงลึกไปถึงองค์ประกอบขนาดนั้น เขาดูเอาแค่ โครงสร้าง (outline) ของดารา หรือสิ่งของพอแล้ว
8. คนที่เป็นเกย์ อาจจะแสดงอาการรังเกียจเกย์ หรือพวกเกย์แสดงออกมากเป็นพิเศษ เพราะนั่นเขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่า เขาเป็นพวก หรือ สปีซี่เดียวกัน เขาพยายามที่จะกันตัวเองออกห่างจากพวกเกย์ แสดงออกเหล่านั้น จนบางครั้งคุณรู้สึกว่าเขาแสดงอาการรังเกียจจนเว่อร์ ขนาดคุณเองยังไม่รู้สึกขนาดนั้นเลย
9. อันนี้ไม่ค่อยอยากจะแนะนำเล้ย เพราะมันเป็นการละลาบละล้วง เกินเหตุ แต่ถ้าสมมุติคุณได้มีโอกาสไปบ้านเขาละก้อ ขอให้คุณพยายามรื้อค้น ไม่ว่าซอกตู้ ซอกเตียง หรืออะไรก็แล้วแต่ คิดถึงสถานที่ๆ เขาจะสามารถ เอาซีดีโป๊ (ผู้ชาย) หรือว่า หนังสือ เพลย์เกริล์ไปซ่อนได้ หรือคุณจะลองเช็คเบอร์โทรล่าสุดที่เขาโทรออก จากโทรศัพท์มือถือของเขาก็ได้นะ เพราะพวกเขาจะต้องมีการติดต่อกันอยู่เป็นประจำ ยังมีอีกที่หนึ่งที่เขาอาจจะซ่อนรูป หรือเว็บโป๊เปลีอย ไว้เต็มไปหมด ก้อคือ ในคอมพิวเตอร์ของเขางัย คุณลองเขาไปดูนะ อาจจะมีรูป หรือลิ้งค์เว็บเด็ดพวกนั้นแต็มไปหมด สำหรับวิธีนี้ อยากแนะนำก็ต่อเมือ คุณต้องเกือบมั่นใจว่าเขาเป็นแน่ แต่เพียงแค่อยากหา วัตถุ พยานมายืนยัน เพราะไม่งั้นคนที่เป็นฝ่ายเสียคือคุณเพราะเขา อาจจะหาว่าคุณล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว และอาจเลิกคนกับคุณไปเลยก็ได้
10. ถ้าคุณได้มีโอกาสร่วมรักกับเขา ลองมองตาเขาสิว่า เขาหลับตา หรือลืมตาอยู่ เพราะการที่เขาหลับตาอยู่ เขาอาจจะจินตนาการถึง ชายหนุ่ม dream boy อันเป็นที่เลิฟอยู่ก็ได้ แล้วอีกอย่างหนึ่งเขาอาจจะไม่อยากเห็นหน้าชะนี อย่างคุณเพราะ แบบว่า "แหวะๆ รีบๆ ทำให้เสร็จไป จะได้หมดข้อครหาว่าเป็นเกย์" ผู้ชายทั้งแท่งส่วนใหญ่เขาจะมองใบหน้าคุณตลอดเวลาร่วมรักกับคุณ เพราะเขาถือว่ากำลังมีสิ่งที่สวยงามที่สุดอยู่ในมือเขา เขาพยายามที่จะทะนุถนอมมันเอาไว้ พยายามที่จะเบามือกับคุณที่สุด และตั้งใจ ไม่ได้ทำแบบขอไปที
10 วิธีข้างต้นเป็นเพียงแค่การตีแผ่พฤติกรรม แนวโน้มของบุคคลที่เป็นเกย์ หาใช่ข้อสรุปที่ตายตัว ที่จะเอามาจับผิดคนที่เป็นเกย์ไม่ คนที่เป็นเกย์คนอื่นๆ อาจจะไม่มีพฤติกรรมข้างต้นเลย หรือเคยทำแบบข้างต้นมาแล้ว และเริ่มมีคนรู้เลยต้องพัฒนาพฤติกรรมการพรางตน ไปอีกขั้นหนึ่ง เพราะขืนยังอยู่ในฟอร์มเดิม คงไม้พ้นเงื้อมมือของคุณไปแน่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สาเหตุของการพรางตน คงไม่ใช่เพื่อหลอกลวงใคร แต่เป็นเพราะต้องการหนีภัย กระแสสังคม ที่ยังไม่ยอมรับ บุคคลประเภทนี้อยู่ ตราบใดที่ปัญหานี้ยังอยู่ เขาคงไม่กล้าออกมาสู้หน้าคุณหรอก แต่คุณเคยลองคิดเล่นๆ ดูไหม ถ้าคนทั้งโลกเปิดใจรับบุคคลรักร่วมเพศ อย่าง 100 % แล้ว มาเดากันสิว่า จะมีสักกี่คนที่ไม่เป็นเกย์
10 วิธีง่ายๆ พิสูจน์ความเป็นชายของแฟนคุณกันดีกว่า
1. ลองสังเกตุพฤติกรรมการหยิบจับสิ่งของว่า นิ้วก้อยของเขากระเด้งเกินไปหรือเปล่า พวกผู้ชายเขาไม่ค่อยจับสิ่งของแค่นิ้ว สองนิ้วหรอก ถ้าเขาจับก็จับกันเต็มๆ มือไปเลย
2. สังเกตุว่าเขาแต่งตัวตามแฟชั่น หรือซื้อแต่หนังสือแมกกาซีนแต่งตัวของผู้ชายมากเกินไปหรือเปล่า คนอาไร้... จะสนใจแฟชั่น มากกว่า แฟนของตัวเองที่อยู่ข้างๆ ตัว พวกผู้ชายที่เป็นเกย์ เขาจะเป็นห่วงเรื่องรูปลักษณ์ (Look) ของเขามากๆ เพราะกลัวจะดูแย่ โทรม ไม่เป็นที่ดึงดูดต่อเพื่อนร่วมเพศเดียวกัน ฉะนั้น พวกเขาจึงต้องพยายาม ทุกวิถีทาง ที่จะทำตัวให้เป็นที่ต้องตา ต้องใจ ของเพื่อนในกลุ่มเกย์ด้วยกัน ถึงแม้ว่าในกรณีเช่นนี้ เขาไม่ใช่เกย์ แต่ขอให้เลิกไปเถอะ เพราะเขาคงจะเอาเวลา ไปทุ่มให้กับการแต่งตัว มากกว่าเอาเวลามาใส่ใจในตัวคุณ
3. สังเกตุท่านั่งของเขาดูสิว่า เขานั่งหนีบ หรือหุบเขา หรือไขว่ห้างหรือเปล่า เพราะผู้ชายเขาไม่ค่อยนั่งหุบเขาหรอก อิอิ มันอึดอัดน้องชายของเขา แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ การนั่งไขว่ห้างแบบผู้หญิงยิ่งทำให้เขาอึดอัดใหญ่เลย เพราะมันเป็นเหมือนปมด้อยของผู้ชายที่มีน้องน้อยเป็นเนื้องอก ยื่นยาวออกมานอกตัว ฉะนั้นเวลานั่งไขว่ห้างแบบที่ผู้หญิงนั่งกัน มันยิ่งทำให้เขาอึดอัดใหญ่เล้ย....ย... แต่พวกผู้ชายเขาจะมีท่านั่งไขว่ห้างอีกแบบหนึ่งนะ เขาจะยกเอาแค่ข้อเท้า หรือหน้าแข้งวางอยู่บนหน้าขาของขาอีกข้างหนึ่งเท่านั้นเอง
4. เวลาพูด พวกผู้ชายเขาจะไม่พูดแบบจีบปากจีบคอหรอกนะ เขาพูดเพราะเขาอยากจะพูด และมันจะเป็นธรรมชาติมากกว่า ไม่ต้องมานั่งดัดจริต ผิดวิสัยอยู่ เรื่องการจีบปากจีบคอ นั้นดูไม่ยาก อยากรู้ว่าการจีบปากจีบคอ เป็นอย่างไร ก็ไปดูในทีวีสิ มีทุกช่องเลย แฟนจ๋า ฉันแล้วจ๊ะ อยู่นี่มาแล้วน่ะ เขยิบมาใกล้ๆ....
5. เขาว่าผีย่อมเห็นผีด้วยกัน ฉะนั้นคุณของหาเพื่อนของคุณที่เป็น กระเทย(ประจัญบาน) มาร่วมสังเกตุการณ์ เพราะคนพวกนี้เขาจะมีเซนส์แรงมาก และหลายครั้งที่คุณแต๋วพวกนี้ สามารถจับสัญญาณคลื่นความเป็นเกย์ได้ โดยที่เครื่องมิเตอร์ของคุณกิ๊ก และคุณป๋อง แห่งรายการมิติลี้ลับต้องชิดซ้ายไปเลย
6. หรือว่าคุณจะลองหานายนกต่อ ล่อสัญชาติญาณสาวของเขาให้ออกมาติดกับ ด้วยการหาเพื่อนผู้ชายของคุณ ประเภทที่ว่า หน้าตาดี แถมหุ่นนายแบบได้ยิ่งดี ทำทีเป็นเดินผ่าน และเข้ามาทักทายคุณ ตอนนั้นแหละ ให้คุณสังเกตุสายตาเขา ถ้าเขาใช่ สายตาจะเป็นมัน เหมือนราสีห์ที่อยากจะงาบสมันหนุ่ม (เพื่อนคุณเสียเต็มประดา) ถ้ามีโอกาสได้สานต่อก็ให้เพื่อนคุณทำที เป็นว่าโทรเข้ามาหาคุณ แต่คุณไม่อยู่ ปล่อยโอกาสให้พวกเขาได้คุยกัน ถ้าแฟนคุณเขายื้อที่จะคุยกับเพื่อนคุณ ทั้งที่ คุณไม่อยู่ละก็ นั่นแสดงว่าเขากำลังสนใจเพื่อนของคุณเข้าแล้วแหละ
7. คนที่เป็นเกย์จะชอบวิพากย์วิจารณ์องค์ประกอบของสิ่งต่างๆ ไม่ว่าหน้าคน หรือสิ่งของ เพราะคนพวกนี้เขาจะเป็นคนละเอียดอ่อน ชอบศึกษาหรือ ดูเข้าไปถึงรายละเอียดของของนั้นๆ ยกตัวอย่างว่า ถ้าเขานั่งดูหนังกับคุณ แล้วเขาวิพากย์วิจารณ์ ดารานักแสดงคนนั้น ถึงรายละเอียดได้เป็นฉากๆ ตั้งแต่เรื่ององค์ประกอบของหน้า ว่าคิ้วคนนั้นเป็นอย่างนั้น จมูกไปทำมาแน่เลย หรือปากวาดไม่สวยเลย การแต่งตัวเสื้อผ้าสวย เก๋ เข้ากับฉากไหม บอกได้เลยว่านั่นไม่ใช่นิสัยผู้ชายที่แท้จริง เพราะผู้ชายที่แท้จริงเขาจะไม่ลงลึกไปถึงองค์ประกอบขนาดนั้น เขาดูเอาแค่ โครงสร้าง (outline) ของดารา หรือสิ่งของพอแล้ว
8. คนที่เป็นเกย์ อาจจะแสดงอาการรังเกียจเกย์ หรือพวกเกย์แสดงออกมากเป็นพิเศษ เพราะนั่นเขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่า เขาเป็นพวก หรือ สปีซี่เดียวกัน เขาพยายามที่จะกันตัวเองออกห่างจากพวกเกย์ แสดงออกเหล่านั้น จนบางครั้งคุณรู้สึกว่าเขาแสดงอาการรังเกียจจนเว่อร์ ขนาดคุณเองยังไม่รู้สึกขนาดนั้นเลย
9. อันนี้ไม่ค่อยอยากจะแนะนำเล้ย เพราะมันเป็นการละลาบละล้วง เกินเหตุ แต่ถ้าสมมุติคุณได้มีโอกาสไปบ้านเขาละก้อ ขอให้คุณพยายามรื้อค้น ไม่ว่าซอกตู้ ซอกเตียง หรืออะไรก็แล้วแต่ คิดถึงสถานที่ๆ เขาจะสามารถ เอาซีดีโป๊ (ผู้ชาย) หรือว่า หนังสือ เพลย์เกริล์ไปซ่อนได้ หรือคุณจะลองเช็คเบอร์โทรล่าสุดที่เขาโทรออก จากโทรศัพท์มือถือของเขาก็ได้นะ เพราะพวกเขาจะต้องมีการติดต่อกันอยู่เป็นประจำ ยังมีอีกที่หนึ่งที่เขาอาจจะซ่อนรูป หรือเว็บโป๊เปลีอย ไว้เต็มไปหมด ก้อคือ ในคอมพิวเตอร์ของเขางัย คุณลองเขาไปดูนะ อาจจะมีรูป หรือลิ้งค์เว็บเด็ดพวกนั้นแต็มไปหมด สำหรับวิธีนี้ อยากแนะนำก็ต่อเมือ คุณต้องเกือบมั่นใจว่าเขาเป็นแน่ แต่เพียงแค่อยากหา วัตถุ พยานมายืนยัน เพราะไม่งั้นคนที่เป็นฝ่ายเสียคือคุณเพราะเขา อาจจะหาว่าคุณล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว และอาจเลิกคนกับคุณไปเลยก็ได้
10. ถ้าคุณได้มีโอกาสร่วมรักกับเขา ลองมองตาเขาสิว่า เขาหลับตา หรือลืมตาอยู่ เพราะการที่เขาหลับตาอยู่ เขาอาจจะจินตนาการถึง ชายหนุ่ม dream boy อันเป็นที่เลิฟอยู่ก็ได้ แล้วอีกอย่างหนึ่งเขาอาจจะไม่อยากเห็นหน้าชะนี อย่างคุณเพราะ แบบว่า "แหวะๆ รีบๆ ทำให้เสร็จไป จะได้หมดข้อครหาว่าเป็นเกย์" ผู้ชายทั้งแท่งส่วนใหญ่เขาจะมองใบหน้าคุณตลอดเวลาร่วมรักกับคุณ เพราะเขาถือว่ากำลังมีสิ่งที่สวยงามที่สุดอยู่ในมือเขา เขาพยายามที่จะทะนุถนอมมันเอาไว้ พยายามที่จะเบามือกับคุณที่สุด และตั้งใจ ไม่ได้ทำแบบขอไปที
10 วิธีข้างต้นเป็นเพียงแค่การตีแผ่พฤติกรรม แนวโน้มของบุคคลที่เป็นเกย์ หาใช่ข้อสรุปที่ตายตัว ที่จะเอามาจับผิดคนที่เป็นเกย์ไม่ คนที่เป็นเกย์คนอื่นๆ อาจจะไม่มีพฤติกรรมข้างต้นเลย หรือเคยทำแบบข้างต้นมาแล้ว และเริ่มมีคนรู้เลยต้องพัฒนาพฤติกรรมการพรางตน ไปอีกขั้นหนึ่ง เพราะขืนยังอยู่ในฟอร์มเดิม คงไม้พ้นเงื้อมมือของคุณไปแน่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สาเหตุของการพรางตน คงไม่ใช่เพื่อหลอกลวงใคร แต่เป็นเพราะต้องการหนีภัย กระแสสังคม ที่ยังไม่ยอมรับ บุคคลประเภทนี้อยู่ ตราบใดที่ปัญหานี้ยังอยู่ เขาคงไม่กล้าออกมาสู้หน้าคุณหรอก แต่คุณเคยลองคิดเล่นๆ ดูไหม ถ้าคนทั้งโลกเปิดใจรับบุคคลรักร่วมเพศ อย่าง 100 % แล้ว มาเดากันสิว่า จะมีสักกี่คนที่ไม่เป็นเกย์
ชอบ รัก หลง แตกต่างกันอย่างไร?
อาการเหล่านี้อาจจะใกล้เคียงกันมาก แต่ก็สามารถพอจะแยกออกได้เป็นส่วนๆดังนี้
1. "ชอบ"คำนี้ควรเอาไว้หน้าเครื่องหมายของความรัก เพราะจะทำให้ความรักปลอดความขัดแย้ง มักจะมีความสุขและสมหวังเพราะ
1.1 "ชอบ" คือ รสนิยมตรงกัน นิสัยไปด้วยกันได้ เข้าใจกัน คุยกันถูกคอ เรียกว่า "ชอบพอกัน" เช่น การคบเพื่อนเราก็ใช้ความรู้สึกนี้ เราจึงชอบเพื่อน รักเพื่อน มีความสุขพอใจเมื่อได้อยู่กับเพื่อน แม้จะคบกันมาตั้งแต่วัยเรียน จนถึงทำงาน จนถึงแก่ คำว่าเพื่อนก็ไม่เคยหมดความหมาย เพราะมาจากรากฐาน "ชอบ"
1.2 ถ้าคำว่า "ชอบ" นำมาใช้กับคนที่รักของเรา ก็จะเพิ่มดีกรีดีกว่าเพื่อนขึ้นไปอีก เหตุนี้ควรพิสูจน์นิสัยใจคอ จนสามารถชอบเขาได้แล้วค่อยกลายเป็นความรักจึงจะถูกต้อง อย่างที่ว่า "จะรักใคร ควรจะชอบเขามาก่อน แล้วความรักจะยั่งยืน"
1.3 แต่..ส่วนใหญ่ยังไม่ทันชอบเลย ไม่รู้เสียด้วยว่า ลูกใคร? ครอบครัวเขาเป็นอย่างไร? รู้แต่ชื่อเล่น ชื่อจริง ส่วนนามสกุลเอาไว้บอกทีหลัง เราก็รักไว้ก่อน ชีวิตครอบครัวจึงไม่ประสบผลสำเร็จ ล้มเหลว วันหนึ่งๆ แต่งงานเป็นร้อยคู่ แต่ก็หย่ากันวันล่ะ 200 คู่ ขาดทุน 100% ขาดทุน 100% เพราะเรียงลำดับผิด
1.4 เพราะถ้าเอาความรักขึ้นหน้าไว้อันดับหนึ่งก่อนชอบ มักจะมองข้ามความบกพร่อง ความไม่ดีทุกอย่างของคนที่เรารักไป อย่างที่ผู้ใหญ่บอกว่า "ความรักทำให้คนตาบอด" พ่อแม่ห้ามก็ไม่ฟัง
1.5 แต่..ถ้าเอาชอบไว้ก่อนยังไม่รัก ถ้าคนรักเกิดพลิกล็อกกลายเป็นไม่ดี เพราะไม่มีอะไรจะซ่อนเร้นมิดชิดและปกปิดได้นาน เท่ากับหัวใจคน เรารู้ก่อนที่จะรัก เราก็ตัดใจได้ไม่ยาก ชอบมาก่อน จึงเกิดผลดีอย่างน้อย 2 ประการ คือ ตัดใจได้ง่ายและได้คนดี
2. "รัก" มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าที่คุณคิด คนส่วนใหญ่จึงไม่รู้ความหมายคำว่ารักอย่างแท้จริง เพราะไม่คิดถึง ทั้งๆที่ตัวเองก็กำลังประพฤติอยู่
2.1 "รัก" มีความหมายถึง การอยากให้คนที่ตนรักมีความสุข แล้วตัวเองก็ต้องมีความสุขด้วย ทั้งที่ความสุขนั้นอาจจะไม่ใช่หมายถึงความสมหวังเสมอไป "ในความรักไม่มีความกลัว เพราะความกลัวถูกจัดเข้ากับการลงโทษ" แต่การเสียเขาไปต้องมีเหตุผลที่สมควรจาก 2 ฝ่ายด้วย ไม่ใช่เราคิดไปเองว่า เขาคงจะได้ดี แล้วก็ทิ้งเขาไป (เห็นได้จากในภาพยนตร์บ่อยๆ) ซึ่งทำให้เราต้องสูญเสียโอกาสทั้ง 2 ฝ่าย กลายเป็นจบลงด้วยความเศร้าแทน
2.2 "ถ้าเราจะรักใครซักคน เราต้องคิดอยู่เสมอว่า เราจะให้อะไรกับเขา ไม่ใช่จะได้อะไรจากเขา" ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง
2.3 ในความรักไม่มีความกลัว เพราะถ้ามัวแต่กลัวจะเหมือนกับการโดนลงโทษ แล้วอาจจะโดน ม.ค.ป.ด.
3. "หลง" หลงกับรักมักจะแยกกันยากมาก เพราะอาการคล้ายๆกัน ทีแรกก็ปลูกต้นรัก แต่พอต้นรักเติบใหญ่ ทำไมออกดอกเป็นความหลง ความหลงจะสำแดงแตกต่างจากความรักสังเกตได้ 3 ประการ
3.1 "เห็นแก่ตัว" กอบโกยความสุขจากคนรักให้มากที่สุด เช่น ขอพบ ขออยู่ใกล้ ให้คนรักปรนนิบัติเอาใจ เรียกร้องความสนใจตลอดเวลา เอาแต่ความสุขความพอใจตนเองเป็นใหญ่ คนรักจะทุกข์ยากอย่างไรไม่สน ตัวเองจะยอมทุ่มเททุกอย่าง เช่น ทรัพย์สินเงินทองปรนเปรอ ถ้าไม่ได้ก็ใช่เล่ห์กล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็เอาด้วยคาถา พวกหมอดู คนเจ้าเข้าทรง หมอผีร่ำรวยก็เพราะคนพวกนี้ ดูผิวเผิน เหมือนความรักสุดใจ แต่ไม่ใช่ เพราะความรักเป็นความสุภาพ เสียสละ อ่อนโยน มีเหตุผล
3.2 ความหลงจะสังเกตได้ จะไม่มีลดน้อย แต่จะร้อนแรงขึ้นเป็นลำดับ เหมือนถูกผีกระทำ จะไม่มีเหตุผล เกรี้ยวกราด รุนแรง เอาแต่ใจ เรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่
3.3 การหึงหวงอย่างรุนแรงไร้เหตุผล แม้ตัวเองจะได้ตายก็ยอม เช่น ฆ่าตัวตาย หรือ ฆ่าตัวตายทั้งคู่ ตามหนังสือพิมพ์ที่ออกข่าวบ่อยๆ เช่น รักไม่สมหวัง หลายคนเห็นใจที่เขาไร้เหตุผล บูชารัก แต่นั่นคือการเข้าใจผิด มันไม่ใช่ความรัก เพราะความรัก คือ ความอ่อนโยน มีเหตุผล ไม่กระทำผิด แต่ความหลงกระทำให้เรา "คิดสั้น" "หลงผิด" ถูกครอบงำด้วยอำนาจที่แฝงแปลงร่างมาคล้ายกับความรักแท้
1. "ชอบ"คำนี้ควรเอาไว้หน้าเครื่องหมายของความรัก เพราะจะทำให้ความรักปลอดความขัดแย้ง มักจะมีความสุขและสมหวังเพราะ
1.1 "ชอบ" คือ รสนิยมตรงกัน นิสัยไปด้วยกันได้ เข้าใจกัน คุยกันถูกคอ เรียกว่า "ชอบพอกัน" เช่น การคบเพื่อนเราก็ใช้ความรู้สึกนี้ เราจึงชอบเพื่อน รักเพื่อน มีความสุขพอใจเมื่อได้อยู่กับเพื่อน แม้จะคบกันมาตั้งแต่วัยเรียน จนถึงทำงาน จนถึงแก่ คำว่าเพื่อนก็ไม่เคยหมดความหมาย เพราะมาจากรากฐาน "ชอบ"
1.2 ถ้าคำว่า "ชอบ" นำมาใช้กับคนที่รักของเรา ก็จะเพิ่มดีกรีดีกว่าเพื่อนขึ้นไปอีก เหตุนี้ควรพิสูจน์นิสัยใจคอ จนสามารถชอบเขาได้แล้วค่อยกลายเป็นความรักจึงจะถูกต้อง อย่างที่ว่า "จะรักใคร ควรจะชอบเขามาก่อน แล้วความรักจะยั่งยืน"
1.3 แต่..ส่วนใหญ่ยังไม่ทันชอบเลย ไม่รู้เสียด้วยว่า ลูกใคร? ครอบครัวเขาเป็นอย่างไร? รู้แต่ชื่อเล่น ชื่อจริง ส่วนนามสกุลเอาไว้บอกทีหลัง เราก็รักไว้ก่อน ชีวิตครอบครัวจึงไม่ประสบผลสำเร็จ ล้มเหลว วันหนึ่งๆ แต่งงานเป็นร้อยคู่ แต่ก็หย่ากันวันล่ะ 200 คู่ ขาดทุน 100% ขาดทุน 100% เพราะเรียงลำดับผิด
1.4 เพราะถ้าเอาความรักขึ้นหน้าไว้อันดับหนึ่งก่อนชอบ มักจะมองข้ามความบกพร่อง ความไม่ดีทุกอย่างของคนที่เรารักไป อย่างที่ผู้ใหญ่บอกว่า "ความรักทำให้คนตาบอด" พ่อแม่ห้ามก็ไม่ฟัง
1.5 แต่..ถ้าเอาชอบไว้ก่อนยังไม่รัก ถ้าคนรักเกิดพลิกล็อกกลายเป็นไม่ดี เพราะไม่มีอะไรจะซ่อนเร้นมิดชิดและปกปิดได้นาน เท่ากับหัวใจคน เรารู้ก่อนที่จะรัก เราก็ตัดใจได้ไม่ยาก ชอบมาก่อน จึงเกิดผลดีอย่างน้อย 2 ประการ คือ ตัดใจได้ง่ายและได้คนดี
2. "รัก" มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าที่คุณคิด คนส่วนใหญ่จึงไม่รู้ความหมายคำว่ารักอย่างแท้จริง เพราะไม่คิดถึง ทั้งๆที่ตัวเองก็กำลังประพฤติอยู่
2.1 "รัก" มีความหมายถึง การอยากให้คนที่ตนรักมีความสุข แล้วตัวเองก็ต้องมีความสุขด้วย ทั้งที่ความสุขนั้นอาจจะไม่ใช่หมายถึงความสมหวังเสมอไป "ในความรักไม่มีความกลัว เพราะความกลัวถูกจัดเข้ากับการลงโทษ" แต่การเสียเขาไปต้องมีเหตุผลที่สมควรจาก 2 ฝ่ายด้วย ไม่ใช่เราคิดไปเองว่า เขาคงจะได้ดี แล้วก็ทิ้งเขาไป (เห็นได้จากในภาพยนตร์บ่อยๆ) ซึ่งทำให้เราต้องสูญเสียโอกาสทั้ง 2 ฝ่าย กลายเป็นจบลงด้วยความเศร้าแทน
2.2 "ถ้าเราจะรักใครซักคน เราต้องคิดอยู่เสมอว่า เราจะให้อะไรกับเขา ไม่ใช่จะได้อะไรจากเขา" ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง
2.3 ในความรักไม่มีความกลัว เพราะถ้ามัวแต่กลัวจะเหมือนกับการโดนลงโทษ แล้วอาจจะโดน ม.ค.ป.ด.
3. "หลง" หลงกับรักมักจะแยกกันยากมาก เพราะอาการคล้ายๆกัน ทีแรกก็ปลูกต้นรัก แต่พอต้นรักเติบใหญ่ ทำไมออกดอกเป็นความหลง ความหลงจะสำแดงแตกต่างจากความรักสังเกตได้ 3 ประการ
3.1 "เห็นแก่ตัว" กอบโกยความสุขจากคนรักให้มากที่สุด เช่น ขอพบ ขออยู่ใกล้ ให้คนรักปรนนิบัติเอาใจ เรียกร้องความสนใจตลอดเวลา เอาแต่ความสุขความพอใจตนเองเป็นใหญ่ คนรักจะทุกข์ยากอย่างไรไม่สน ตัวเองจะยอมทุ่มเททุกอย่าง เช่น ทรัพย์สินเงินทองปรนเปรอ ถ้าไม่ได้ก็ใช่เล่ห์กล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็เอาด้วยคาถา พวกหมอดู คนเจ้าเข้าทรง หมอผีร่ำรวยก็เพราะคนพวกนี้ ดูผิวเผิน เหมือนความรักสุดใจ แต่ไม่ใช่ เพราะความรักเป็นความสุภาพ เสียสละ อ่อนโยน มีเหตุผล
3.2 ความหลงจะสังเกตได้ จะไม่มีลดน้อย แต่จะร้อนแรงขึ้นเป็นลำดับ เหมือนถูกผีกระทำ จะไม่มีเหตุผล เกรี้ยวกราด รุนแรง เอาแต่ใจ เรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่
3.3 การหึงหวงอย่างรุนแรงไร้เหตุผล แม้ตัวเองจะได้ตายก็ยอม เช่น ฆ่าตัวตาย หรือ ฆ่าตัวตายทั้งคู่ ตามหนังสือพิมพ์ที่ออกข่าวบ่อยๆ เช่น รักไม่สมหวัง หลายคนเห็นใจที่เขาไร้เหตุผล บูชารัก แต่นั่นคือการเข้าใจผิด มันไม่ใช่ความรัก เพราะความรัก คือ ความอ่อนโยน มีเหตุผล ไม่กระทำผิด แต่ความหลงกระทำให้เรา "คิดสั้น" "หลงผิด" ถูกครอบงำด้วยอำนาจที่แฝงแปลงร่างมาคล้ายกับความรักแท้
ความชอบ
พัฒนามาเป็นความรักได้
แต่ความหลง
พัฒนาไปเป็นความรักไม่ได้
พัฒนามาเป็นความรักได้
แต่ความหลง
พัฒนาไปเป็นความรักไม่ได้
ร่วมรัก.. ที่เจ็บจริงๆ นะคุณ
โดยทั่วไปเรื่องของการร่วมรักมักไม่ทำให้ใครๆ เจ็บ ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย และเมื่อใครบอกว่าเจ็บก็มักจะถูกมองว่าประสาท จิตไม่ปกติ แต่จริงๆ แล้วก่อนจะบอกว่าเป็นเรื่องของจิตใจ ก็ต้องดูว่าไม่ใช่เรื่องจากทางกายเสียก่อน
และใครๆ ก็เจ็บได้ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง จากสถิติที่กล้าเปิดเผยว่าตัวเองมีการร่วมรักอยู่เสมอๆ และเคยมีการเจ็บเมื่อร่วมรักมีมากถึง 46% และมีที่เจ็บอยู่เสมอที่ 7% แต่ที่เจ็บมากจนต้องไปพบแพทย์นั้นมีน้อยมาก และการเจ็บนั้นส่วนใหญ่เป็นขณะที่กำลังร่วมรักอยู่ มีส่วนหนึ่งที่เจ็บหลังจากที่ร่วมรักกันแล้ว และก็มีที่เจ็บตลอดเวลาที่ร่วมรักจนหลังจากนั้นแล้วก็ยังคงเจ็บอยู่
เรื่องทางจิตใจก็อาจเป็นสาเหตุได้
อาจเป็นจากจิตใต้สำนึกที่มีความขัดแย้งกันในเรื่องเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะจากการเลี้ยงดูตั้งแต่ในวัยเด็กที่คร่ำเคร่งครึขู่กันอย่างมากในเรื่องเพศสัมพันธ์ หรือจากประวัติที่เคยสัมผัสเรื่องทางเพศสัมพันธ์ที่แย่ๆ และน่ากลัวเช่นเคยถูกข่มขืนกระทำชำเราหรือเห็นการมีเพศสัมพันธ์ที่ทารุณ จึงทำให้เกิดการกลัวและวิตกกังวลแล้วจึงกลับกลายเป็นปฏิกิริยาต่อต้านการมีเพศสัมพันธ์แล้วทำให้เจ็บ และยิ่งเจ็บก็ยิ่งมีทัศนคติที่ไม่ดียิ่งขึ้นก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงไปอีก จนทำให้ไม่อยากจะมีความสัมพันธ์ทางเพศไม่ว่าจะในรูปแบบไหนๆ แม้ เพียงแค่กอดจูบลูบไล้เร้าอารมณ์ก็อาจทำให้กลัวได้ ถือเป็นความผิดปกติทางเพศสัมพันธ์อย่างหนึ่งที่ควรพบจิตแพทย์เพื่อการแก้ไข
ความเจ็บ..อธิบายได้ ลองสังเกตดูว่า
เรื่องทางจิตใจก็อาจเป็นสาเหตุได้
อาจเป็นจากจิตใต้สำนึกที่มีความขัดแย้งกันในเรื่องเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะจากการเลี้ยงดูตั้งแต่ในวัยเด็กที่คร่ำเคร่งครึขู่กันอย่างมากในเรื่องเพศสัมพันธ์ หรือจากประวัติที่เคยสัมผัสเรื่องทางเพศสัมพันธ์ที่แย่ๆ และน่ากลัวเช่นเคยถูกข่มขืนกระทำชำเราหรือเห็นการมีเพศสัมพันธ์ที่ทารุณ จึงทำให้เกิดการกลัวและวิตกกังวลแล้วจึงกลับกลายเป็นปฏิกิริยาต่อต้านการมีเพศสัมพันธ์แล้วทำให้เจ็บ และยิ่งเจ็บก็ยิ่งมีทัศนคติที่ไม่ดียิ่งขึ้นก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงไปอีก จนทำให้ไม่อยากจะมีความสัมพันธ์ทางเพศไม่ว่าจะในรูปแบบไหนๆ แม้ เพียงแค่กอดจูบลูบไล้เร้าอารมณ์ก็อาจทำให้กลัวได้ ถือเป็นความผิดปกติทางเพศสัมพันธ์อย่างหนึ่งที่ควรพบจิตแพทย์เพื่อการแก้ไข
ความเจ็บ..อธิบายได้ ลองสังเกตดูว่า
- เริ่มเจ็บตั้งแต่เมื่อไร เป็นมานานแค่ไหน
- เจ็บแสบๆ ร้อนๆ หรือคันๆ
- เจ็บตื้อๆ ลึกๆ เหมือนถูกกระแทก
- เจ็บที่ข้างนอกตรงปากช่องคลอด หรือเจ็บลึกที่ข้างใน
- มีปัญหาอะไรร่วมด้วยหรือไม่
- เจ็บทุกครั้งที่ร่วมรักกันหรือเปล่า
- นานแค่ไหนจึงหายเจ็บ
- เจ็บขณะที่กำลังร่วมรัก หรือขณะที่จะสอดใส่องคชาตหรือเมื่อร่วมรักเรียบร้อยแล้ว
- มีท่าร่วมรักท่าไหนที่เจ็บน้อยลงหรือเจ็บมากขึ้นไหม
- เคยพยายามที่จะแก้ปัญหามาก่อนไหม
แพทย์จะถามคุณในรายละเอียดของความเจ็บเหล่านี้ แน่นอนที่มันยากที่จะอธิบาย แต่ถ้าคุณลองสำรวจตัวเองถึงความรู้สึกเจ็บนี้ได้เพื่อพยายามอธิบาย ก็จะทำให้การค้นหาสาเหตุที่ถูกต้องทำได้ง่ายที่สุดเพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ถูกต้องมากที่สุด
แต่ก่อนที่จะโยนความเจ็บของการร่วมรักไปให้เป็นเรื่องของโรคทางจิตก็ควรต้องหาสาเหตุของโรคทางกายก่อน เพราะสาเหตุส่วนใหญ่ก็จากปัญหาทางกายนี่แหละ แล้วมันจะเกิดจากปัญหาอะไรได้บ้างหละ
เจ็บที่ปากช่องคลอดเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งมักเกิดจากสาเหตุต่างๆได้คือ
- จากการอักเสบหรือติดเชื้อ อาจมีผื่นแดงแพ้ต่อสารเคมีใดๆ เช่น ผงซักฟอกที่ใช้ทำความสะอาดชุดชั้นใน ผ้าอนามัย หรือสบู่ที่ใช้ล้างตัว สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดอีกอย่างก็คือการที่มีการติดเชื้อรา มีตกขาวจากแบคทีเรียหรือพยาธิทริโคโมแนส หรือมีแผลจากไวรัสเริมก็พบได้บ่อยๆ บางครั้งการที่มีท่อทางเดินปัสสาวะอักเสบก็จะทำให้รู้สึกเจ็บเวลาร่วมรักได้ โรคประจำตัวบางอย่าง เช่นเบาหวานก็อาจทำให้มีการเปื่อยง่ายของผิวหนังทำให้แสบคันได้รวมทั้งอาจมีเชื้อราเกิดขึ้นได้บ่อยๆ ด้วย
- จากการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อในบริเวณช่องคลอด โดยไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็น มันเกิดขึ้นเองโดยเหตุใดก็ไม่อาจทราบได้ เมื่อมีการเริ่มที่จะสอดใส่องคชาตก็มักจะเกิดการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อในบริเวณช่องคลอดทำให้ช่องคลอดรัดแน่นไม่สามารถใส่องคชาตผ่านเข้าช่องคลอดได้
- น้ำหล่อลื่นไม่เพียงพอตามธรรมชาติ เมื่อมีการโลมเล้าที่ดีพอที่จะทำให้รู้สึกพร้อมที่จะร่วมรักได้ก็มักจะมีน้ำหล่อลื่นในช่องคลอดซึ่งจะช่วยให้การสอดใส่องคชาตในช่องคลอดง่ายขึ้นและการเสียดสีมีน้อยลงทำให้การร่วมรักไม่เจ็บ ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจากน้ำหล่อลื่นไม่พอเพียงจึงทำให้การสอดใส่องคชาตเป็นไปด้วยความฝืด ก็จะทำให้เจ็บและเกิดการฉีกขาดของช่องคลอดได้ง่าย เมื่อมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่องขณะร่วมรักก็จะฝืดและเจ็บต่อเนื่องอีก ดังนั้นการโลมเล้าจึงเป็นเรื่องที่ต้องพัฒนาและต้องดูอารมณ์และความพร้อมของอีกฝ่ายด้วยเสมอ
- ในผู้หญิงที่เริ่มเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนหรือประจำเดือนหมดไปแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดระดับลงทำให้ ผนังช่องคลอดบาง และช่องคลอดแห้งน้ำหล่อลื่นน้อยลง การใช้เจลหล่อลื่นช่วยก็จะบรรเทาอาการเจ็บขณะร่วมรักได้ หรือถ้ามีปัญหาอื่นร่วมด้วยการพิจารณาให้ฮอร์โมนทดแทนก็จะช่วยแก้ปัญหาได้
- เรื่องของการผ่าตัดเส้นประสาท presacral ออก เพื่อการรักษาการเจ็บในอุ้งเชิงกรานเรื้อรังอาจทำให้น้ำหล่อลื่นลดลงได้
- ยาบางอย่างก็มีผลให้ช่องคลอดแห้งได้ เช่น ยา antihistamines ซึ่งเป็นยาแก้แพ้ tranquillisers ซึ่งเป็นยากล่อมประสาท กัญชา
- หลังคลอด ภายใน5เดือนแรกหลังคลอดแผลที่ช่องคลอดแม้จะหายดีแล้วแต่บางคนก็ยังเจ็บอยู่ ความห่วงกังวลในเรื่องลูกทำให้ไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมรักทำให้น้ำหล่อลื่นไม่มากพอจึงมักจะเจ็บได้
แต่ถ้ามีอาการเจ็บลึกๆ ที่ในส่วนลึกของช่องคลอด พบได้มากกว่าครึ่งของคนที่มีการเจ็บในขณะร่วมรัก สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก - ความบางของผนังช่องคลอดและน้ำหล่อลื่นไม่พอเพียง ซึ่งมักพบในวัยหมดประจำเดือน นอกจากจะทำให้เกิดความฝืดเมื่อมีการเคลื่อนไหวตัวขององคชาตแล้ว เจ้าช่องคลอดก็ยังยืดขยายตัวไม่ได้ดี ทำให้รู้สึกเจ็บลึกๆ ในช่องคลอดโดยเฉพาะเมื่อองคชาตสอดลึกจนชนปากมดลูกที่อยู่ส่วนในสุดของช่องคลอด
- Endometriosis เป็นเรื่องของเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญนอกโพรงมดลูก ซึ่งมักจะไปเจริญที่รังไข่ ในช่องท้อง ทำให้เกิดพังผืดดึงรั้งมดลูกและปีกมดลูกให้เคลื่อนไหวได้น้อย เมื่อมีการโยกหรือกระทบต่อปากมดลูกจากการร่วมรักจึงทำให้รู้สึกเจ็บได้ เรื่องของพยาธิสภาพที่ทำให้เจ็บเวลาร่วมรักนั้นอาจมีเรื่องของมดลูกที่วางคว่ำไปทางด้านหลังและเกิดการดึงรั้งด้วยพังผืด และการมีการบวมคั่งของน้ำในอุ้งเชิงกราน การอักเสบในอุ้งเชิงกราน และแม้เรื่องที่มดลูกหย่อนตัวก็อาจเป็นเหตุให้เจ็บได้ แต่พบว่าน้อยรายที่จะเป็นจากเหตุเหล่านี้
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ นอกจากจะทำให้รู้สึกปวดที่เหนือหัวเหน่าแล้วยังทำให้รู้สึกเจ็บเวลาร่วมรักได้ นอกจากนี้แล้วเรื่องของลำไส้อักเสบก็อาจทำให้เจ็บเวลาร่วมรักได้ แต่ก็มักจะเกี่ยวเนื่องมาจากอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรัง
เจ็บตื้นที่ปากช่องคลอด
- ปากช่องคลอดอักเสบ
- ช่องคลอดอักเสบ
- ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
- ท่อทางเดินปัสสาวะอักเสบ
- กล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอดหดเกร็งตัว
- น้ำหล่อลื่นไม่พอเพียง
เจ็บลึกที่ในสุดช่องคลอด
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่(endometriosis)
- พังผืดดึงรั้งอวัยวะในอุ้งเชิงกราน
- เนื้องอกในอวัยวะอุ้งเชิงกราน
- มดลูกคว่ำหลังและยึดติด
- ปากมดลูกอักเสบเรื้อรัง
- อวัยวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ
- อุ้งเชิงกรานคั่งบวมน้ำ
- ความผิดปกติในท่อทางเดินปัสสาวะ
เจ็บทั้งสองที่- หลังคลอด
- น้ำหล่อลื่นไม่เพียงพอ
- ผนังช่องคลอดบางจากวัยหมดประจำเดือน
ผู้ชายก็เจ็บได้...
เจ็บที่ไหนเป็นอะไร...
แม้ว่าการเจ็บขณะร่วมรักมักจะเกิดกับผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อผู้ชายบอกว่าเจ็บก็มักจะเป็นเรื่องที่ต้องค้นหาอย่างจริงจังเพราะมักมีปัญหาจากพยาธิสภาพทางกายเสียเป็นส่วนมาก ที่พบบ่อยๆ ก็คือเรื่องของหนัง
หุ้มปลาย
ทัศนคติบางอย่างในการเลี้ยงลูกโดยเฉพาะในเรื่องเพศจึงอาจทำให้ไม่มีการสอนให้เปิดหนังหุ้มปลายรูดขึ้นไปเพื่อทำความสะอาดที่ส่วนฐานของหัวองคชาตตรงที่หนังหุ้มปลายหุ้มอยู่ทำให้มีการหมักหมมของมูกไคลที่ตกค้างอยู่และทำให้ระคายหรือเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราได้ ก็จะเหนียวติดดึงรั้งหนังหุ้มปลายไว้ทำให้เจ็บเมื่อร่วมรักได้ หรือหนังหุ้มปลายหุ้มปิดองคชาตมากเกินไปทำให้ไม่สามารถรูดเปิดผ่านหัวองคชาตได้ หรืออาจรูดเปิดผ่านได้บ้างแต่เมื่อองคชาตขยายตัวแข็งขึ้นก็อาจรูดไม่ขึ้นและรัดแน่นทำให้เจ็บขณะร่วมรักได้ ทางแก้ไขก็ไม่ยากเพียงแต่ขลิบหนังหุ้มปลายออกบ้างก็จะช่วยแก้ปัญหาได้
สายสองสลึง (frenulum) ก็อาจทำให้เจ็บได้ ถ้ามันมีพังผืดดึงรั้ง ทำให้เหมือนถูกยึดไว้ เมื่อมีการรูดเปิดของหนังหุ้มปลายขณะร่วมรัก ก็อาจจะดึงรั้งจนเจ็บและฉีกขาดได้
การติดเชื้อจากโรคทางเพศสัมพันธ์
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเชื้อรา แผลจากไวรัสเริม หรือแบคทีเรีย ที่บริเวณตัวองคชาต หรือท่อทางเดินปัสสาวะอักเสบก็เป็นเรื่องที่ทำให้เจ็บได้ แม้ในขณะที่ไม่ได้ร่วมรัก หรืออาจมีปัญหาที่ต่อมลูกหมากหรือลูกอัณฑะ ซึ่งก็มักจะเกิดจากการติดเชื้อเป็นส่วนใหญ่
การแพ้
ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่มีการแพ้ถุงยาง สารฆ่าตัวอสุจิที่ใช้ในการคุมกำเนิด ไม่ว่าจะที่เคลือบอยู่ที่ถุงยางหรือที่ใส่ไว้ในช่องคลอด ก็จะทำให้เกิดผื่นคันหรือเจ็บเวลาร่วมรักได้
มีบางครั้งอยู่เหมือนกันที่เมื่อสอดองคชาตเข้าไปลึกสุดในช่องคลอดจนชนกับปากมดลูก และเกิดการเจ็บ ก็อาจเป็นไปได้จากการที่องคชาตไปสัมผัสกับสายห่วงคุมกำเนิดที่ผู้หญิงใส่อยู่ การแก้ปัญหาก็ทำง่ายๆ โดยการตัดสายห่วงคุมกำเนิดให้สั้นลงอีกสักนิด ก็แก้ไขได้แล้ว
ไม่ว่าใครจะเป็นคนเจ็บ ไม่ว่าจะเจ็บมากหรือน้อย ไม่ว่าจะเจ็บบ่อยหรือเพียงบางครั้ง การปรึกษาแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุและแก้ปัญหา ก็จะทำให้เรื่องร่วมรักเป็นเรื่องที่น่ารื่นรมย์ได้
- ปากช่องคลอดอักเสบ
- ช่องคลอดอักเสบ
- ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
- ท่อทางเดินปัสสาวะอักเสบ
- กล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอดหดเกร็งตัว
- น้ำหล่อลื่นไม่พอเพียง
เจ็บลึกที่ในสุดช่องคลอด
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่(endometriosis)
- พังผืดดึงรั้งอวัยวะในอุ้งเชิงกราน
- เนื้องอกในอวัยวะอุ้งเชิงกราน
- มดลูกคว่ำหลังและยึดติด
- ปากมดลูกอักเสบเรื้อรัง
- อวัยวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ
- อุ้งเชิงกรานคั่งบวมน้ำ
- ความผิดปกติในท่อทางเดินปัสสาวะ
เจ็บทั้งสองที่- หลังคลอด
- น้ำหล่อลื่นไม่เพียงพอ
- ผนังช่องคลอดบางจากวัยหมดประจำเดือน
ผู้ชายก็เจ็บได้...
เจ็บที่ไหนเป็นอะไร...
แม้ว่าการเจ็บขณะร่วมรักมักจะเกิดกับผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อผู้ชายบอกว่าเจ็บก็มักจะเป็นเรื่องที่ต้องค้นหาอย่างจริงจังเพราะมักมีปัญหาจากพยาธิสภาพทางกายเสียเป็นส่วนมาก ที่พบบ่อยๆ ก็คือเรื่องของหนัง
หุ้มปลาย
ทัศนคติบางอย่างในการเลี้ยงลูกโดยเฉพาะในเรื่องเพศจึงอาจทำให้ไม่มีการสอนให้เปิดหนังหุ้มปลายรูดขึ้นไปเพื่อทำความสะอาดที่ส่วนฐานของหัวองคชาตตรงที่หนังหุ้มปลายหุ้มอยู่ทำให้มีการหมักหมมของมูกไคลที่ตกค้างอยู่และทำให้ระคายหรือเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราได้ ก็จะเหนียวติดดึงรั้งหนังหุ้มปลายไว้ทำให้เจ็บเมื่อร่วมรักได้ หรือหนังหุ้มปลายหุ้มปิดองคชาตมากเกินไปทำให้ไม่สามารถรูดเปิดผ่านหัวองคชาตได้ หรืออาจรูดเปิดผ่านได้บ้างแต่เมื่อองคชาตขยายตัวแข็งขึ้นก็อาจรูดไม่ขึ้นและรัดแน่นทำให้เจ็บขณะร่วมรักได้ ทางแก้ไขก็ไม่ยากเพียงแต่ขลิบหนังหุ้มปลายออกบ้างก็จะช่วยแก้ปัญหาได้
สายสองสลึง (frenulum) ก็อาจทำให้เจ็บได้ ถ้ามันมีพังผืดดึงรั้ง ทำให้เหมือนถูกยึดไว้ เมื่อมีการรูดเปิดของหนังหุ้มปลายขณะร่วมรัก ก็อาจจะดึงรั้งจนเจ็บและฉีกขาดได้
การติดเชื้อจากโรคทางเพศสัมพันธ์
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเชื้อรา แผลจากไวรัสเริม หรือแบคทีเรีย ที่บริเวณตัวองคชาต หรือท่อทางเดินปัสสาวะอักเสบก็เป็นเรื่องที่ทำให้เจ็บได้ แม้ในขณะที่ไม่ได้ร่วมรัก หรืออาจมีปัญหาที่ต่อมลูกหมากหรือลูกอัณฑะ ซึ่งก็มักจะเกิดจากการติดเชื้อเป็นส่วนใหญ่
การแพ้
ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่มีการแพ้ถุงยาง สารฆ่าตัวอสุจิที่ใช้ในการคุมกำเนิด ไม่ว่าจะที่เคลือบอยู่ที่ถุงยางหรือที่ใส่ไว้ในช่องคลอด ก็จะทำให้เกิดผื่นคันหรือเจ็บเวลาร่วมรักได้
มีบางครั้งอยู่เหมือนกันที่เมื่อสอดองคชาตเข้าไปลึกสุดในช่องคลอดจนชนกับปากมดลูก และเกิดการเจ็บ ก็อาจเป็นไปได้จากการที่องคชาตไปสัมผัสกับสายห่วงคุมกำเนิดที่ผู้หญิงใส่อยู่ การแก้ปัญหาก็ทำง่ายๆ โดยการตัดสายห่วงคุมกำเนิดให้สั้นลงอีกสักนิด ก็แก้ไขได้แล้ว
ไม่ว่าใครจะเป็นคนเจ็บ ไม่ว่าจะเจ็บมากหรือน้อย ไม่ว่าจะเจ็บบ่อยหรือเพียงบางครั้ง การปรึกษาแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุและแก้ปัญหา ก็จะทำให้เรื่องร่วมรักเป็นเรื่องที่น่ารื่นรมย์ได้
เซ็กส์กับคนอ้วน
เทคนิคบนเตียง
เรื่องบนเตียงของ หนุ่มอวบ-สาวอั๋น
เนื้อหาเรื่องนี้เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ไม่ค่อยจะได้พูดถึงหนุ่มอวบสาวอั๋นกันสักเท่าไหร่ ฉบับนี้นึกครึ้มอกครึ้มใจและเห็นใจหนุ่มสาวเจ้าเนื้อทั้งหลายที่มัวแต่กลุ้มอกกลุ้มใจไปกับเรื่องบนเตียง
ความรักและความต้องการของคนอ้วนที่เราเองก็อาจจะสงสัยและครุ่นคิดเหมือนกันว่า เค้าจะมีความสุขในเรื่องของการมีเซ็กซ์ได้อย่างไร อะไรคือสิ่งที่คนอ้วนกลัวในเรื่องเซ็กซ์ และถ้าอยากจะมีเซ็กซ์จะต้องใช้กระบวนท่าอะไร อืมม์ อันนี้เรามีคำตอบให้ฟังกัน
กระบวนท่าเมคเลิฟของหนุ่ม-สาว เจ้าเนื้อ
กระบวนท่าเมคเลิฟสำหรับหนุ่มสาวเจ้าเนื้อคนอ้วนส่วนใหญ่เป็นคนอารมณ์ดี เวลาที่อยู่ในช่วงของการเมคเลิฟของพวกเขาจะยิ่งทำให้อารมณ์ดีเพิ่มขึ้น เพียงแต่ท่าทางแห่งความรักความต้องการคงจะต้องปรับเปลี่ยนบ้าง เพราะมีกำแพงคือไขมันและหน้าท้องที่หนาปึ้กมาขวางกั้น กระบวนท่าในการเมคเลิฟของหนุ่มสาวเจ้าเนื้อที่เกิดความรู้สึกอึดอัด อยากเมคเลิฟด้วยท่าทางแห่งความสุขกะเขาบ้าง
หากคุณมีความสุขในกระบวนท่าที่ไม่อึดอัดแล้ว เพียงแค่นี้คุณก็สามารถไปถึงดวงดาวได้อย่างคนผอมเค้าเช่นกัน กระบวนท่าในการเมคเลิฟของหนุ่มสาวเจ้าเนื้อที่อยากเมคเลิฟด้วยท่าทางแห่งความสุขกะเขาบ้างมีท่าอะไรบ้าง เอ้า ! ลองดู
1. ลองเริ่มจากท่าที่ใช้ขอบของเตียง และหมอนให้เป็นประโยชน์
ท่วงท่าลีลาแห่งรักนี้ ต้องเป็นท่วงท่าชันเข่าให้ฝ่ายหญิงนอนหมิ่นๆ ขอบเตียง ใช้หมอนอันนุ่มรองก้นอันอวบอั๋นของเธอ ฝ่ายชายจะต้องสุภาพ ค่อยๆ ผ่านของรักของหวงเข้าไปในส่วนสงวนของเธอ ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าไปได้ลึกซึ้งจนถึงก้นบึ้ง ก่อนที่จะปล่อยน้ำรักออกมา
2. ลองปรับเปลี่ยนให้ฝ่ายหญิงนั่งเก้าอี้ ครึ่งนั่งครึ่งนอนบ้าง
แล้วจึงบรรเลงเพลงรักตามอารมณ์และลีลาของคุณใครจะเถียงว่าคนอ้วนไม่มีหัวใจ ความอ้วนจึงไม่เป็นอุปสรรคของความรักแต่อย่างใด
ยกตัวอย่างมาแค่สองวิธีพอ เพราะจริงๆแล้วยังมีอีกหลายกระบวนท่าที่คนอ้วนก็สามารถทำได้เหมือนคนปกตินั่นล่ะ อยู่ที่ว่าแต่ละคนไม่ว่าอ้วนหรือผอมจะมีกลเด็ดเม็ดพลายอย่างไรมาสานใยรักเท่านั้นเอง
5 อันดับ สิ่งที่หนุ่มอวบ-สาวอั๋น กลัว...
1. กลัวน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น...
อีตอนแรกก็พอจะรับไหวอยู่หรอก เพราะตอนจีบกันก็ดูอะไรกุ๊กกิ๊ก น่ารักไปหมด แต่พอคบกันนานเข้า ต้องมีสิน่าที่เปลี่ยนสรรพนามแทน ถ้าเรียกให้น่ารักหน่อยก็เป็น น้องหมู หรือพี่อ้วนจัง นี่ล่ะ ก็เพราะตอนที่คบกันใหม่ๆ กินอะไรก็อร่อยไปหมด พอน้ำหนักเพิ่มขึ้นทีนี้ก็เลยตาสว่างขึ้นมาทันทีทันใดเชียวล่ะ...
2. กลัวการออกเดท....
ที่ต้องกลัวก็เพราะว่า การออกเดทน่ะ จะทำให้คุณตกเป็นเป้าสายตาคนอื่น หาคุณเดทกับคนรู้ใจหุ่นเพรียวลม ก็จะทำให้คนอื่นมองว่า เฮ้ย ! ไม่เหมาะกันเล้ย หรือหากคุณและคนรู้ใจเจ้าเนื้อทั้งคู่ เวลาเข้าไปร้านอาหารก็จะทำให้คนอื่นมองว่า โอ้ว ! หนุ่มสาวร่างยักษ์มาแล้วพวกเราถอย... เฮ้อ ตัวหย่ายก็สร้างจุดเด่นอย่างนี้ล่ะ ทำใจ...ทำใจ
3. กลัวการมีเซ็กซ์..
หนุ่มสาวเจ้าเนื้อกลัวการมีเซ็กซ์มากที่สุด เพราะเมื่อความรักสุกงอม ก็อยากจะมีเซ็กซ์เหมือนคนหุ่นปกติดูบ้าง ถ้าลองหลับตานึกภาพดูหลายคนอาจจะนึกขำ แต่อย่าลืมว่าคนอ้วนก็มีจิตใจและความต้องการเหมือนอย่างเราๆนี่ล่ะ เพียงแต่อาจจะไม่ถนัดนักในเรื่องของการเล่นกระบวนท่าเท่านั้นเอง การจูบและการกอดจึงกลายเป็นสิ่งที่หนุ่มอ้วนสาวอั๋นกระทำบ่อยกว่าการเมคเลิฟซะอีก
4. กลัวเตียงหัก...
สำหรับคนที่เก่งในเรื่องเซ็กซ์อันนี้ไม่ต้องพูดถึง เพราะว่าเรื่องกระบวนท่าที่ช่ำชองไม่เป็นอุปสรรค เพราะสามารถทั้งพลิกทั้งแพลงมาใช้กับคู่ของคุณได้ หากแต่กลัวอย่างเดียว เรื่อง เตียงหัก หมายถึงเตียงหักจริงๆนะคุณ อันนี้จะต้องตรวจเช็คสภาพของเตียงที่คุณต้องการจะมีเซ็กซ์ซะก่อน เพื่อให้แน่ใจในความแข็งแรงและทนทานของเตียง... คำเตือน! ก่อนที่คุณจะมีเซ็กซ์ควรตรวจสภาพเตียงทุกครั้ง ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะ...
5. กลัวถูกทิ้ง...
คนอ้วนมักจะเลือกคบกับคนที่มีหุ่นค่อนข้างดี เหมือนกับเป็นการชดเชยหุ่นตัวเองนั่นล่ะ ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ความชอบของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ว่าจะเป็นอย่างนี้เสมอไป สาวหุ่นดีบางคนก็อยากจะมีชายหนุ่มร่างใหญ่ไว้คอยปกป้องจะได้รู้สึกอบอุ่นใจเวลาอยู่ใกล้เขานั่นเอง แต่เมื่อคบไปนานๆ น้ำต้มผักที่ว่าหวานก็กลายเป็นขมในบัดดล เมื่อเจอหนุ่มกิ๊กเร้าใจกว่า...สาวเจ้าจึงรีบผละจากหนุ่มเจ้าเนื้อทันที...เป๊าะ....โครม ! เสียงอกหักของหนุ่มร่างบึ้กนั่นเอง
เนื้อหาเรื่องนี้เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ไม่ค่อยจะได้พูดถึงหนุ่มอวบสาวอั๋นกันสักเท่าไหร่ ฉบับนี้นึกครึ้มอกครึ้มใจและเห็นใจหนุ่มสาวเจ้าเนื้อทั้งหลายที่มัวแต่กลุ้มอกกลุ้มใจไปกับเรื่องบนเตียง
ความรักและความต้องการของคนอ้วนที่เราเองก็อาจจะสงสัยและครุ่นคิดเหมือนกันว่า เค้าจะมีความสุขในเรื่องของการมีเซ็กซ์ได้อย่างไร อะไรคือสิ่งที่คนอ้วนกลัวในเรื่องเซ็กซ์ และถ้าอยากจะมีเซ็กซ์จะต้องใช้กระบวนท่าอะไร อืมม์ อันนี้เรามีคำตอบให้ฟังกัน
กระบวนท่าเมคเลิฟของหนุ่ม-สาว เจ้าเนื้อ
กระบวนท่าเมคเลิฟสำหรับหนุ่มสาวเจ้าเนื้อคนอ้วนส่วนใหญ่เป็นคนอารมณ์ดี เวลาที่อยู่ในช่วงของการเมคเลิฟของพวกเขาจะยิ่งทำให้อารมณ์ดีเพิ่มขึ้น เพียงแต่ท่าทางแห่งความรักความต้องการคงจะต้องปรับเปลี่ยนบ้าง เพราะมีกำแพงคือไขมันและหน้าท้องที่หนาปึ้กมาขวางกั้น กระบวนท่าในการเมคเลิฟของหนุ่มสาวเจ้าเนื้อที่เกิดความรู้สึกอึดอัด อยากเมคเลิฟด้วยท่าทางแห่งความสุขกะเขาบ้าง
หากคุณมีความสุขในกระบวนท่าที่ไม่อึดอัดแล้ว เพียงแค่นี้คุณก็สามารถไปถึงดวงดาวได้อย่างคนผอมเค้าเช่นกัน กระบวนท่าในการเมคเลิฟของหนุ่มสาวเจ้าเนื้อที่อยากเมคเลิฟด้วยท่าทางแห่งความสุขกะเขาบ้างมีท่าอะไรบ้าง เอ้า ! ลองดู
1. ลองเริ่มจากท่าที่ใช้ขอบของเตียง และหมอนให้เป็นประโยชน์
ท่วงท่าลีลาแห่งรักนี้ ต้องเป็นท่วงท่าชันเข่าให้ฝ่ายหญิงนอนหมิ่นๆ ขอบเตียง ใช้หมอนอันนุ่มรองก้นอันอวบอั๋นของเธอ ฝ่ายชายจะต้องสุภาพ ค่อยๆ ผ่านของรักของหวงเข้าไปในส่วนสงวนของเธอ ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าไปได้ลึกซึ้งจนถึงก้นบึ้ง ก่อนที่จะปล่อยน้ำรักออกมา
2. ลองปรับเปลี่ยนให้ฝ่ายหญิงนั่งเก้าอี้ ครึ่งนั่งครึ่งนอนบ้าง
แล้วจึงบรรเลงเพลงรักตามอารมณ์และลีลาของคุณใครจะเถียงว่าคนอ้วนไม่มีหัวใจ ความอ้วนจึงไม่เป็นอุปสรรคของความรักแต่อย่างใด
ยกตัวอย่างมาแค่สองวิธีพอ เพราะจริงๆแล้วยังมีอีกหลายกระบวนท่าที่คนอ้วนก็สามารถทำได้เหมือนคนปกตินั่นล่ะ อยู่ที่ว่าแต่ละคนไม่ว่าอ้วนหรือผอมจะมีกลเด็ดเม็ดพลายอย่างไรมาสานใยรักเท่านั้นเอง
5 อันดับ สิ่งที่หนุ่มอวบ-สาวอั๋น กลัว...
1. กลัวน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น...
อีตอนแรกก็พอจะรับไหวอยู่หรอก เพราะตอนจีบกันก็ดูอะไรกุ๊กกิ๊ก น่ารักไปหมด แต่พอคบกันนานเข้า ต้องมีสิน่าที่เปลี่ยนสรรพนามแทน ถ้าเรียกให้น่ารักหน่อยก็เป็น น้องหมู หรือพี่อ้วนจัง นี่ล่ะ ก็เพราะตอนที่คบกันใหม่ๆ กินอะไรก็อร่อยไปหมด พอน้ำหนักเพิ่มขึ้นทีนี้ก็เลยตาสว่างขึ้นมาทันทีทันใดเชียวล่ะ...
2. กลัวการออกเดท....
ที่ต้องกลัวก็เพราะว่า การออกเดทน่ะ จะทำให้คุณตกเป็นเป้าสายตาคนอื่น หาคุณเดทกับคนรู้ใจหุ่นเพรียวลม ก็จะทำให้คนอื่นมองว่า เฮ้ย ! ไม่เหมาะกันเล้ย หรือหากคุณและคนรู้ใจเจ้าเนื้อทั้งคู่ เวลาเข้าไปร้านอาหารก็จะทำให้คนอื่นมองว่า โอ้ว ! หนุ่มสาวร่างยักษ์มาแล้วพวกเราถอย... เฮ้อ ตัวหย่ายก็สร้างจุดเด่นอย่างนี้ล่ะ ทำใจ...ทำใจ
3. กลัวการมีเซ็กซ์..
หนุ่มสาวเจ้าเนื้อกลัวการมีเซ็กซ์มากที่สุด เพราะเมื่อความรักสุกงอม ก็อยากจะมีเซ็กซ์เหมือนคนหุ่นปกติดูบ้าง ถ้าลองหลับตานึกภาพดูหลายคนอาจจะนึกขำ แต่อย่าลืมว่าคนอ้วนก็มีจิตใจและความต้องการเหมือนอย่างเราๆนี่ล่ะ เพียงแต่อาจจะไม่ถนัดนักในเรื่องของการเล่นกระบวนท่าเท่านั้นเอง การจูบและการกอดจึงกลายเป็นสิ่งที่หนุ่มอ้วนสาวอั๋นกระทำบ่อยกว่าการเมคเลิฟซะอีก
4. กลัวเตียงหัก...
สำหรับคนที่เก่งในเรื่องเซ็กซ์อันนี้ไม่ต้องพูดถึง เพราะว่าเรื่องกระบวนท่าที่ช่ำชองไม่เป็นอุปสรรค เพราะสามารถทั้งพลิกทั้งแพลงมาใช้กับคู่ของคุณได้ หากแต่กลัวอย่างเดียว เรื่อง เตียงหัก หมายถึงเตียงหักจริงๆนะคุณ อันนี้จะต้องตรวจเช็คสภาพของเตียงที่คุณต้องการจะมีเซ็กซ์ซะก่อน เพื่อให้แน่ใจในความแข็งแรงและทนทานของเตียง... คำเตือน! ก่อนที่คุณจะมีเซ็กซ์ควรตรวจสภาพเตียงทุกครั้ง ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะ...
5. กลัวถูกทิ้ง...
คนอ้วนมักจะเลือกคบกับคนที่มีหุ่นค่อนข้างดี เหมือนกับเป็นการชดเชยหุ่นตัวเองนั่นล่ะ ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ความชอบของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ว่าจะเป็นอย่างนี้เสมอไป สาวหุ่นดีบางคนก็อยากจะมีชายหนุ่มร่างใหญ่ไว้คอยปกป้องจะได้รู้สึกอบอุ่นใจเวลาอยู่ใกล้เขานั่นเอง แต่เมื่อคบไปนานๆ น้ำต้มผักที่ว่าหวานก็กลายเป็นขมในบัดดล เมื่อเจอหนุ่มกิ๊กเร้าใจกว่า...สาวเจ้าจึงรีบผละจากหนุ่มเจ้าเนื้อทันที...เป๊าะ....โครม ! เสียงอกหักของหนุ่มร่างบึ้กนั่นเอง
Sex ประตูหลัง สุขสุดๆ หรือเสี่ยงสลด
คงจะปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมคะว่าเรื่องปฏิบัติการรักระหว่างสามีภรรยาเป็นเรื่องสำคัญของชีวิตคู่ ไม่เพียงการสนองตอบความต้องการตามธรรมชาติของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงความรักระหว่างคนสองคนที่ปลงใจมาร่วมชีวิตกัน
ทีนี้เรื่องมีอยู่ว่าหากปฏิบัติการในท่วงท่าธรรมดาๆ ขั้นพื้นฐานนั้นไม่เร้าใจเพียงพออีกต่อไป เพราะขาดความตื่นเต้นไปเสียแล้ว แต่ปรารถนาหาความแปลกด้วยท่วงท่าลีลาใหม่ๆ เช่น เมื่อเขาเปลี่ยนไปบุกเข้าทางประตูหลังของเธอแทนที่จะเข้าประตูหน้าเหมือนเคย เพื่อเสาะหาความเสียวสะท้านรสชาติใหม่จากแรงบีบรัดกระชับกว่าเข้าประตูหน้าเป็นไหนๆ และยิ่งถ้าฝ่ายหญิงขมิบทวารขณะร่วมรักกับฝ่ายชายด้วยแล้ว จะยิ่งทำให้เขามีความสุขมากขึ้นเป็นทวีคูณ
หากจะถามว่าเขาคิดได้ไงที่เลือกเข้าทางประตูหลังของเธอ คงตอบได้ยากว่าเป็นเพราะพื้นฐานทางด้านจิตใจ หรือจะเป็นความชอบส่วนตัวที่นิยมความรู้สึกแบบนั้น แต่คิดว่าน่าจะเป็นประเด็นหลังมากกว่า
ในทางกลับกันแล้วฝ่ายหญิงหล่ะเธอรับได้ไหมกับลีลาท่าด้านหลัง....ที่สามีจะมีเพศสัมพันธ์กับเธอทางทวารหนัก
ทั้งนี้โอกาสติดเชื้อที่ง่ายขึ้นนี้เสมอกันทั้งสองฝ่ายแต่ขอแนะนำว่าอย่าปฏิบัติการด้วยวิธีนี้เลยมันมีผลให้เสียทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพกายมากกว่าที่จะสุขสันต์
เหตุผลอีกอย่างที่ฝ่ายชายเลือกเข้าทางประตูหลังนอกจากจะได้รับความสุขสุดๆ แปลกใหม่แล้วผู้ชายบางคนอาจจะมีความสบายใจว่าถ้ามีการหลั่งอสุจิในช่องทางประตูหลังจะไม่มีโอกาสที่จะทำให้ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ได้
เนื่องจากอสุจิที่พวยพุ่งออกมาจะไปจอดแน่นิ่งอยู่ในลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง ซึ่งไม่สามารถจะทะลุทะลวงผ่านเข้าไปในโพรงมดลูกแล้วไปปฏิสนธิที่ปีกมดลูกของฝ่ายหญิงได้เพราะคนละช่องทางกัน
** ในอีกแง่หนึ่งหากเป็นการปฏิบัติการทางประตูหลังระหว่างคู่ของชายกับชาย โอกาสที่ปัญหาต่างๆ ดังกล่าวจะมาเยือนเขาทั้งสองก็คงไม่แตกต่างกับคู่ของชายกับหญิงแต่อย่างใด
ในความเห็นส่วนตัวของแพทย์ไม่สนับสนุนให้มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ซึ่งในกรณีของหญิงกับชายแล้วฝ่ายคุณผู้ชายอาจจะมีความสุข แต่นั่นหมายถึงการทำร้ายทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจของผู้หญิงที่เป็นภรรยาเลยทีเดียว และตัวคุณเองก็อาจติดโรคทางเพศสัมพันธ์ และทำให้เกิดปัญหาของท่อทางเดินปัสสาวะอักเสบ หรือองคชาติอักเสบได้
ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารระหว่างชายกับชาย หรือรักร่วมเพศนั้น ก็อยากให้ตระหนักและตระหนกตื่นกลัวในเรื่องของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเอดส์ ซึ่งเป็นโรคยอดฮิตในหมู่รักร่วมเพศด้วยกัน
การร่วมรักอาจจะนำมาซึ่งความสุขเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว แต่อาจตามมาด้วยความทุกข์อันแสนสาหัสในภายหลังได้ ดังนั้นรู้จักตั้งสติและเตือนตนเองเพื่อป้องกันตัวเองและคนที่คุณรัก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจากการร่วมรักทางประตูหลังกันดีกว่า
ทีนี้เรื่องมีอยู่ว่าหากปฏิบัติการในท่วงท่าธรรมดาๆ ขั้นพื้นฐานนั้นไม่เร้าใจเพียงพออีกต่อไป เพราะขาดความตื่นเต้นไปเสียแล้ว แต่ปรารถนาหาความแปลกด้วยท่วงท่าลีลาใหม่ๆ เช่น เมื่อเขาเปลี่ยนไปบุกเข้าทางประตูหลังของเธอแทนที่จะเข้าประตูหน้าเหมือนเคย เพื่อเสาะหาความเสียวสะท้านรสชาติใหม่จากแรงบีบรัดกระชับกว่าเข้าประตูหน้าเป็นไหนๆ และยิ่งถ้าฝ่ายหญิงขมิบทวารขณะร่วมรักกับฝ่ายชายด้วยแล้ว จะยิ่งทำให้เขามีความสุขมากขึ้นเป็นทวีคูณ
หากจะถามว่าเขาคิดได้ไงที่เลือกเข้าทางประตูหลังของเธอ คงตอบได้ยากว่าเป็นเพราะพื้นฐานทางด้านจิตใจ หรือจะเป็นความชอบส่วนตัวที่นิยมความรู้สึกแบบนั้น แต่คิดว่าน่าจะเป็นประเด็นหลังมากกว่า
ในทางกลับกันแล้วฝ่ายหญิงหล่ะเธอรับได้ไหมกับลีลาท่าด้านหลัง....ที่สามีจะมีเพศสัมพันธ์กับเธอทางทวารหนัก
- แน่นอนเลยค่ะ คงไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบหรอกในเรื่องที่ผิดธรรมชาติ ผู้หญิงหลายคนอยากจะบอกให้เขารู้ว่าสิ่งนี้มันทำให้เธอเสียสุขภาพจิตจริงๆ ทั้งๆ ที่ก็อยากจะบอกให้เขารู้แต่ก็กลัวขัดใจกัน ที่สำคัญการเข้าทางประตูหลังยังทำให้ฝ่ายหญิงไม่ถึงจุดสุดยอดพร้อมกับฝ่ายชาย
- เพราะปุ่มรับความเสียวสุขของผู้หญิงจะอยู่บริเวณเหนือทางช่องคลอดด้านหน้าไม่ใช่ทางทวาร และอาจจะรู้สึกว่าเหมือนปวดถ่ายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาจจะทำให้เธอไม่มีความสุขขณะร่วมรักได้เลย
- ดังนั้นทุกครั้งที่ฝ่ายชายปฏิบัติการในท่านี้ จึงมักจะประสบความสำเร็จอยู่ฝ่ายเดียว และปิติสุขจนลืมสังเกตเห็นว่าอารมณ์ของหญิงคนรักนั้นยังคงค้างเติ่งกระเจิดกระเจิงอยู่ เกิดความฟุ้งซ่านขาดความสุขและเสียสุขภาพจิตได้ ซึ่งคุณผู้หญิงหลายคนก็ไม่กล้าสะกิดบอกสามีว่า “ขอท่าปกติอีกครั้งเถอะนะ” เพราะเขาคงเพลียหลับไปเพราะเหนื่อยล้าเสียเต็มที
- ประเด็นสำคัญของผลกระทบที่ฝ่ายหญิงรับเต็มๆ เมื่อยอดสามีนิยมเข้าทางประตูหลัง นอกเหนือจากเธอจะเสียสุขภาพจิต และอารมณ์หญิงค้างเติ่งแล้ว ก็คือปัญหาทางร่างกายซึ่งอาจจะทำให้รูทวารฉีกขาดได้ถ้าร่วมรักอย่างรุนแรง หรืออาจจะทำให้เกิดการอักเสบของรูทวาร ทำให้เจ็บก้น ถ่ายลำบาก หรือถ้าคุณผู้หญิงมีปัญหาเรื่องโรคริดสีดวงทวารด้วยแล้ว อาจจะทำให้ริดสีดวงทวารกำเริบ เจ็บและมีเลือดออกจากทวารได้
- อีกทั้งยังอาจจะก่อให้เกิดปัญหาให้กับลำไส้ใหญ่ส่วนล่างเกิดการอักเสบได้เช่นกัน หากคุณผู้ชายใส่อุปกรณ์ช่วยเสริมของตัวองคชาติ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง
- นอกจากนี้ยังทำให้เชื้อโรคเข้าทางทวาร อาจจะทำให้ท้องเสียตามมาได้อีก
- ข้อสำคัญที่พึงระวังอย่างมากคือการเข้าทางประตูหลังจะทำให้กล้ามเนื้อหูรูดทวารของอีกฝ่ายที่ได้รับการถ่างขยายจากการเสียดสีสูญเสียความยืดหยุ่นไป ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้จะทำให้อั้นอุจจาระลำบาก เวลาปวดมากๆ ก็จะอั้นอุจจาระไม่อยู่ได้ หรือทางด้านกลับกันถ้าท้องผูกเวลาเบ่งอุจจาระ และขณะที่อุจจาระก้อนแข็งๆ คาอยู่ที่ทวาร อาจจะไม่สามารถขมิบอุจจาระที่คาอยู่ให้ขาดออกได้ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะสร้างความลำบากและยุ่งยากได้ต่อไป
- อีกประเด็นที่ทุกคู่รักไม่ควรมองข้ามไปนั่นคือ การอักเสบติดเชื้อที่องคชาติซึ่งสอดใส่เข้าไปในช่องทวารสามารถได้รับเชื้อโรคจากอุจจาระ หรือบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายของอีกฝ่ายหนึ่ง อาจจะทำให้องคชาติติดเชื้ออักเสบ จนทำให้เกิดอาการบวมแดง เปล่ง และเป็นหนอง จนเกิดปัญหาของท่อทางเดินปัสสาวะอักเสบได้อีกด้วย ซึ่งต้องมารับการรักษากันอีกให้ลำบากเปล่าๆ
- นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ง่าย เช่น โรคเริม หูดหงอนไก่ โรคไวรัสตับอักเสบบี หรือโรคยอดฮิต คือการติดเชื้อ HIV (เอดส์) การมีเพศสัมพันธ์ทางทวาร ก็มีโอกาสติดเชื้อเหล่านี้ได้ง่ายกว่า และมากกว่าการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดเสียด้วยซ้ำ เพราะหูรูดของทวารจะกระชับและเสียดสีจากการมีเพศสัมพันธ์ได้มากกว่าทางช่องคลอด ดังนั้นโอกาสที่จะติดโรคเหล่านี้มาจากรอยถลอก
ทั้งนี้โอกาสติดเชื้อที่ง่ายขึ้นนี้เสมอกันทั้งสองฝ่ายแต่ขอแนะนำว่าอย่าปฏิบัติการด้วยวิธีนี้เลยมันมีผลให้เสียทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพกายมากกว่าที่จะสุขสันต์
เหตุผลอีกอย่างที่ฝ่ายชายเลือกเข้าทางประตูหลังนอกจากจะได้รับความสุขสุดๆ แปลกใหม่แล้วผู้ชายบางคนอาจจะมีความสบายใจว่าถ้ามีการหลั่งอสุจิในช่องทางประตูหลังจะไม่มีโอกาสที่จะทำให้ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ได้
เนื่องจากอสุจิที่พวยพุ่งออกมาจะไปจอดแน่นิ่งอยู่ในลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง ซึ่งไม่สามารถจะทะลุทะลวงผ่านเข้าไปในโพรงมดลูกแล้วไปปฏิสนธิที่ปีกมดลูกของฝ่ายหญิงได้เพราะคนละช่องทางกัน
** ในอีกแง่หนึ่งหากเป็นการปฏิบัติการทางประตูหลังระหว่างคู่ของชายกับชาย โอกาสที่ปัญหาต่างๆ ดังกล่าวจะมาเยือนเขาทั้งสองก็คงไม่แตกต่างกับคู่ของชายกับหญิงแต่อย่างใด
ในความเห็นส่วนตัวของแพทย์ไม่สนับสนุนให้มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ซึ่งในกรณีของหญิงกับชายแล้วฝ่ายคุณผู้ชายอาจจะมีความสุข แต่นั่นหมายถึงการทำร้ายทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจของผู้หญิงที่เป็นภรรยาเลยทีเดียว และตัวคุณเองก็อาจติดโรคทางเพศสัมพันธ์ และทำให้เกิดปัญหาของท่อทางเดินปัสสาวะอักเสบ หรือองคชาติอักเสบได้
ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารระหว่างชายกับชาย หรือรักร่วมเพศนั้น ก็อยากให้ตระหนักและตระหนกตื่นกลัวในเรื่องของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเอดส์ ซึ่งเป็นโรคยอดฮิตในหมู่รักร่วมเพศด้วยกัน
การร่วมรักอาจจะนำมาซึ่งความสุขเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว แต่อาจตามมาด้วยความทุกข์อันแสนสาหัสในภายหลังได้ ดังนั้นรู้จักตั้งสติและเตือนตนเองเพื่อป้องกันตัวเองและคนที่คุณรัก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจากการร่วมรักทางประตูหลังกันดีกว่า
จูบใครคิดว่าไม่สำคัญ
จูบตรงไหนเร้าใจกว่า...
การจูบเป็นการแสดงออกด้วยความรักวิธีหนึ่ง ที่อาจบ่งบอกอารมณ์และความต้องการระหว่างคู่รัก
แหม ! ไหนๆ จะจูบทั้งทีก็ต้องจูบให้มันมีทั้งรสทั้งชาติของการสัมผัสด้วยรักกันซะหน่อยดีกว่ามั๊ย
การจูบด้วยการสัมผัสลิ้นระหว่างกันนั่นแหละตัวการสำคัญ และยังเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชายรู้สึกได้ถึงความประทับใจ ในช่วงเวลาแห่งความสุขนั้น การจูบไม่ใช่เป็นแค่การที่คนสองคนเอาปากมาสัมผัสกันแค่นั้น หากแต่เป็นการส่งถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกจากฝ่ายหนึ่งไปอีกฝ่ายหนึ่ง แต่จะจูบกันทั้งทีคงต้องมีลีลากันบ้างนะจ๊ะ
ปลาตอดเหยื่อ
ให้ทำตัวเป็นเสมือนตัวปลาที่กำลังฮุบฟองอากาศ ห่อปากให้เล็ก บรรจงจูบเบาๆ ตั้งแต่ปลายคาง แล้วขยับเลื่อนไปยังหู การจูบแบบนี้คนที่จูบคุณอยากจะบอกเป็นนัยๆ ว่า คุณน่ารักจังแต่ก็คงไม่มีอะไรเกินเลยมากไปกว่านี้
กระแทกอย่างแรง...เก็บริมฝีปากทั้งบนและล่างให้ปิดสนิท หลับตาและกระแทกจูบบนปากอย่างรวดเร็ว หรือที่ฝรั่งเค้าเรียกกันว่าจูบแบบ FAST KISS คือ แบบ “จูบด่วน” จูบด้วยความเร่งรีบประมาณว่าตอนนี้ฉันไม่ว่างนะ กลับมาค่อยว่ากัน
นักเซอร์เวย์...
ให้แฟนของคุณหลับตาลง จากนั้นจึงค่อยๆ บรรจงไล้ริมฝีปากของคุณให้ทั่วใบหน้าอย่างช้าๆ และทั่วถึง จูบแบบนี้จะทำให้คนรักเร้าใจ และคิดต่อไปว่าคุณจะทำอะไรต่อจากนี้ เป็นวิธีที่จะทำให้คนรักคุณจูบตอบกลับมา อ๊ะ ๆ ! แต่อย่าจูบแบบนี้ตอนกำลังง่วงเด็ดขาด
บดขยี้...ฟังแล้วอาจจะดูซาดิสแต่อย่าลืมว่า การจูบแบบบดขยี้นั้นทำให้คุณทั้งคู่ได้อารมณ์รักร้อนแรงเหลือเกิน ประมาณว่า ยิ่งจูบยิ่งดูดดื่ม เริ่มจากบดริมฝีปากของทั้งสองคนเข้าด้วยกันอย่างนุ่นนวลจนอุ่นได้ที่ และค่อยเพิ่มดีกรี จูบแบบนี้เป็นจะทำให้รู้สึกคล้อยตามอย่างที่ต้องการ
เปิดฝาขวด...
เป็นการจูบแบบเรียบร้อยที่สุด เริ่มด้วยการบดริมฝีปากของคู่รักอย่างนุ่มนวล แล้วค่อยๆ ดูดเบาๆ จากนั้นเผยอริมฝีปากคุณจนเห็นปลายลิ้นเล็กๆ อ๊ะๆ ! ขอเตือนว่าอย่าเกร็งขณะจูบเพราะจะกลายเป็นว่าคุณกำลังจะกินริมฝีปากของเขานะจ๊ะ
จะเลือกจูบเธอตรงไหนดี
จูบที่ มือ... เป็นการทักทายของธรรมเนียมฝรั่ง แต่ก็หมายถึงการเริ่มต้นระหว่างความเป็นเพื่อนและมิตรภาพ
จูบที่ จมูก... การใช้ปากสัมผัสที่จมูกอย่างนุ่มนวลแปลว่า...คุณน่ารักมาก
จูบที่ แก้ม... เริ่มสนิทและเริ่มสานสัมพันธ์มากว่าเพื่อนและเริ่มหมายความว่า... ฉันต้องการเธอ
จูบที่ คอ... เริ่มออกอาการไซร้ซอกคอแบบเล็กน้อยพอสยิว ให้เธอเข้าใจว่า ยังไงซ้า..เธอก็ต้องเป็นของฉัน
จูบที่ ริมฝีปาก... แบบปากประกบปากซะดูดดื่ม ทั้งการสัมผัสอย่างบางเบาและเมามัน แปลได้เลยว่า ไอเลิฟยู..
การจูบเป็นการแสดงออกด้วยความรักวิธีหนึ่ง ที่อาจบ่งบอกอารมณ์และความต้องการระหว่างคู่รัก
แหม ! ไหนๆ จะจูบทั้งทีก็ต้องจูบให้มันมีทั้งรสทั้งชาติของการสัมผัสด้วยรักกันซะหน่อยดีกว่ามั๊ย
การจูบด้วยการสัมผัสลิ้นระหว่างกันนั่นแหละตัวการสำคัญ และยังเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชายรู้สึกได้ถึงความประทับใจ ในช่วงเวลาแห่งความสุขนั้น การจูบไม่ใช่เป็นแค่การที่คนสองคนเอาปากมาสัมผัสกันแค่นั้น หากแต่เป็นการส่งถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกจากฝ่ายหนึ่งไปอีกฝ่ายหนึ่ง แต่จะจูบกันทั้งทีคงต้องมีลีลากันบ้างนะจ๊ะ
ปลาตอดเหยื่อ
ให้ทำตัวเป็นเสมือนตัวปลาที่กำลังฮุบฟองอากาศ ห่อปากให้เล็ก บรรจงจูบเบาๆ ตั้งแต่ปลายคาง แล้วขยับเลื่อนไปยังหู การจูบแบบนี้คนที่จูบคุณอยากจะบอกเป็นนัยๆ ว่า คุณน่ารักจังแต่ก็คงไม่มีอะไรเกินเลยมากไปกว่านี้
กระแทกอย่างแรง...เก็บริมฝีปากทั้งบนและล่างให้ปิดสนิท หลับตาและกระแทกจูบบนปากอย่างรวดเร็ว หรือที่ฝรั่งเค้าเรียกกันว่าจูบแบบ FAST KISS คือ แบบ “จูบด่วน” จูบด้วยความเร่งรีบประมาณว่าตอนนี้ฉันไม่ว่างนะ กลับมาค่อยว่ากัน
นักเซอร์เวย์...
ให้แฟนของคุณหลับตาลง จากนั้นจึงค่อยๆ บรรจงไล้ริมฝีปากของคุณให้ทั่วใบหน้าอย่างช้าๆ และทั่วถึง จูบแบบนี้จะทำให้คนรักเร้าใจ และคิดต่อไปว่าคุณจะทำอะไรต่อจากนี้ เป็นวิธีที่จะทำให้คนรักคุณจูบตอบกลับมา อ๊ะ ๆ ! แต่อย่าจูบแบบนี้ตอนกำลังง่วงเด็ดขาด
บดขยี้...ฟังแล้วอาจจะดูซาดิสแต่อย่าลืมว่า การจูบแบบบดขยี้นั้นทำให้คุณทั้งคู่ได้อารมณ์รักร้อนแรงเหลือเกิน ประมาณว่า ยิ่งจูบยิ่งดูดดื่ม เริ่มจากบดริมฝีปากของทั้งสองคนเข้าด้วยกันอย่างนุ่นนวลจนอุ่นได้ที่ และค่อยเพิ่มดีกรี จูบแบบนี้เป็นจะทำให้รู้สึกคล้อยตามอย่างที่ต้องการ
เปิดฝาขวด...
เป็นการจูบแบบเรียบร้อยที่สุด เริ่มด้วยการบดริมฝีปากของคู่รักอย่างนุ่มนวล แล้วค่อยๆ ดูดเบาๆ จากนั้นเผยอริมฝีปากคุณจนเห็นปลายลิ้นเล็กๆ อ๊ะๆ ! ขอเตือนว่าอย่าเกร็งขณะจูบเพราะจะกลายเป็นว่าคุณกำลังจะกินริมฝีปากของเขานะจ๊ะ
จะเลือกจูบเธอตรงไหนดี
จูบที่ มือ... เป็นการทักทายของธรรมเนียมฝรั่ง แต่ก็หมายถึงการเริ่มต้นระหว่างความเป็นเพื่อนและมิตรภาพ
จูบที่ จมูก... การใช้ปากสัมผัสที่จมูกอย่างนุ่มนวลแปลว่า...คุณน่ารักมาก
จูบที่ แก้ม... เริ่มสนิทและเริ่มสานสัมพันธ์มากว่าเพื่อนและเริ่มหมายความว่า... ฉันต้องการเธอ
จูบที่ คอ... เริ่มออกอาการไซร้ซอกคอแบบเล็กน้อยพอสยิว ให้เธอเข้าใจว่า ยังไงซ้า..เธอก็ต้องเป็นของฉัน
จูบที่ ริมฝีปาก... แบบปากประกบปากซะดูดดื่ม ทั้งการสัมผัสอย่างบางเบาและเมามัน แปลได้เลยว่า ไอเลิฟยู..
คอยพบกับการจูบแบบตำหรับรักกามสูตร เร็วๆนี้
อะไร? คือ ความรัก
ที่จริงคำว่า "รัก" และ "ความรู้สึกรักนั้น" มีความหมายกว้างไกลลึกซึ้ง และครอบคลุมถึงอะไรๆที่เรารักได้มากมาย
ตั้งแต่รัก พ่อ-แม่ พี่น้อง รักเพื่อน รักคนรัก ภรรยา สามี และลูก รักสุนัขหรือสัตว์เลี้ยง รักหนังสือของนักประพันธ์คนนั้นคนนี้ หรือรักหนังสือแนวนั้น แนวนี้
รักภาพยนตร์ประเภทนักสืบ หรือหนังเพลง รักดนตรีแนวแจ๊ส หรือนักร้องวงสุนทราภรณ์ หรือว่าวงนักร้องแนวใหม่ที่ร้องไปเต้นไปดูมีชีวิตชีวา
รักในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รักพระเจ้า รักศาสนา รักเพื่อนมนุษย์
ในเรื่องเพศสัมพันธ์ เราใช้คำว่า ร่วมรักและเมคกิ้งเลิฟ โดยตรง
คำว่า "รัก" ใช้แสดงความรู้สึกของจิตใจและอารมณ์ของเรา ต่อสิ่งต่างๆหรือบุคคลต่างๆกัน แต่แน่นอนว่า เราหมายถึง เรามีความพอใจ และสนใจใยดี ผูกพันอยู่กับสิ่งนั้น หรือบุคคลนั้น
คำว่า "รัก" ใช้แสดงความรู้สึกของจิตใจและอารมณ์ของเรา ต่อสิ่งต่างๆหรือบุคคลต่างๆกัน แต่แน่นอนว่า เราหมายถึง เรามีความพอใจ และสนใจใยดี ผูกพันอยู่กับสิ่งนั้น หรือบุคคลนั้น
แต่ไม่ว่าเราจะมีความรักในอะไร ขอให้เข้าใจว่า "ความรัก" คือ ศิลปะอย่างหนึ่ง
คุณคงไม่มีทางเกิดความรัก หรือได้สมรัก ถ้าเพียงแต่นั่งอยู่เฉยๆ รอโชคดีแล้วมีความรักปิ้งขึ้นมา
ถ้าอยากมีอยากได้ "รักแท้" เราคงต้องใช้เวลาเรียนรู้ว่า อะไรคือความรัก และรักมีความหมาย มีความสำคัญต่อชีวิตเราอย่างไร
ถ้าอยากมีอยากได้ "รักแท้" เราคงต้องใช้เวลาเรียนรู้ว่า อะไรคือความรัก และรักมีความหมาย มีความสำคัญต่อชีวิตเราอย่างไร
ยิ่งการจะทำใจทำตัวให้รู้จักรักคนอื่นยิ่งยาก คงจะต้องมีการฝึกฝน และปฏิบัติตัวให้รู้จักที่จะรัก และแสดงความรัก เพื่อให้ความรักนั้นบรรลุผล
ในสังคมที่เราอยู่กันเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าสังคมของเราเองหรือต่างชาติ เรียกได้ว่าทั่วโลก คำว่ารักและกามารมณ์ดูจะเป็นเรื่องสำคัญกว่าเรื่องอื่น โดยเฉพาะในนวนิยาย ในละครภาพยนตร์ ในรายการโทรทัศน์ ในดนตรีและเนื้อเพลง
และโดยทั่วๆไป เราก็มักจะมีความเข้าใจกันว่า เมื่อใดและที่ใดมีความรักที่แท้จริง และทั้งผู้ที่ให้ความรักและรับความรักต่างเข้าใจกันแล้ว ยากนักที่จะมีความทุกข์เข้ามาแทรกแซงได้
เรารักใคร หรือใครที่เราควรรัก?
และโดยทั่วๆไป เราก็มักจะมีความเข้าใจกันว่า เมื่อใดและที่ใดมีความรักที่แท้จริง และทั้งผู้ที่ให้ความรักและรับความรักต่างเข้าใจกันแล้ว ยากนักที่จะมีความทุกข์เข้ามาแทรกแซงได้
เรารักใคร หรือใครที่เราควรรัก?
สำหรับคุณทั้งหลายที่อาจจะมีจิตใจเฉยชา หรือวางเฉยต่ออารมณ์ละเอียดอ่อนที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวเองหรือพยายามปิดกั้นไว้ อาจจะด้วยสิ่งแวดล้อมของโลกปัจจุบันทำให้เป็น
หรือยังมองไม่เห็นว่า มีใครกำลังหยิบยื่นความรักส่งมอบให้แก่คุณสักคน ลองนึกดูสิว่า คุณกำลังมีความรู้สึกที่เราเรียกว่า "รัก" เหล่านี้บ้างมั้ย
หรือยังมองไม่เห็นว่า มีใครกำลังหยิบยื่นความรักส่งมอบให้แก่คุณสักคน ลองนึกดูสิว่า คุณกำลังมีความรู้สึกที่เราเรียกว่า "รัก" เหล่านี้บ้างมั้ย
เพราะนี่คือ ความรักที่คนเราควรมี
1..รักเพื่อนมนุษย์ เป็นความรู้สึกว่า เรามีเพื่อนร่วมโลกที่เกิดมา และเป็นคนอยู่ร่วมสังคม ร่วมบ้าน ร่วมเมือง หรือร่วมโลกเดียวกัน เราต้องมีความเป็นอยู่ร่วมกัน จึงควรให้ความมีน้ำใจแก่กัน หรือให้ความรักความเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน อย่างน้อยที่สุด ไม่ทำความเดือดร้อนให้เขา
2..รักสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รักศาสนา หรือสิ่งเคารพ ที่ชุมชนของเราให้ความนับถือ ว่าเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นศูนย์รวมของคนในสังคมนั้น ชาตินั้น ซึ่งจะช่วยไม่ให้เกิดความขัดแย้งกัน เพราะต่างก็มีความรักในสิ่งเดียวกัน
3..รักคนที่เราอาจช่วยเหลือได้ หรือคนที่อ่อนแอกว่า ต้องพึ่งพาเรา แบบนี้เป็นความรักของพ่อหรือแม่ ที่รู้สึกต่อลูกๆ หรือพี่มีความรักน้อง
3..รักคนที่เราอาจช่วยเหลือได้ หรือคนที่อ่อนแอกว่า ต้องพึ่งพาเรา แบบนี้เป็นความรักของพ่อหรือแม่ ที่รู้สึกต่อลูกๆ หรือพี่มีความรักน้อง
4..รักพ่อแม่ผู้ปกครองของเรา เป็นความรู้สึกที่เราสนองตอบผู้ซึ่งได้ดูแลปกป้อง และให้ความเอื้ออาทรเอาใจใส่เรา ยามที่เราร้องขอความช่วยเหลือ
5..ความรักตัวเอง เป็นความรักที่ให้ตนเอง แบบที่ว่า จะต้องมีความเชื่อมั่น นับถือตนเอง มั่นใจในการกระทำของตนเอง ซึ่งจะเกิดได้ด้วยการเอาใจใส่ระมัดระวังตนเองให้มั่นอยู่ในความดี และเอาใจใส่ตนเอง ขณะเดียวกันเอาใจใส่คนรอบข้างด้วย
ความรักตัวเองนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นให้เรารักคนอื่นและสิ่งแวดล้อมได้ ทางแง่จิตวิทยาถือว่า เพราะเรารักตัวเอง เราจึงมอบความรักไปยังสิ่งใกล้และไกลตัวได้ เช่น เรารักโรงเรียน เพราะเป็นโรงเรียนที่เราเรียนอยู่
เรารักเพื่อน เพราะเค้าเป็นเพื่อนร่วมเรียนของเรา รักพรรคการเมืองพรรคนี้ เพราะ(ขณะนี้)เราสังกัดอยู่
ความรักตัวเองนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นให้เรารักคนอื่นและสิ่งแวดล้อมได้ ทางแง่จิตวิทยาถือว่า เพราะเรารักตัวเอง เราจึงมอบความรักไปยังสิ่งใกล้และไกลตัวได้ เช่น เรารักโรงเรียน เพราะเป็นโรงเรียนที่เราเรียนอยู่
เรารักเพื่อน เพราะเค้าเป็นเพื่อนร่วมเรียนของเรา รักพรรคการเมืองพรรคนี้ เพราะ(ขณะนี้)เราสังกัดอยู่
แต่ก่อนที่เราจะรักคนอื่นได้ เราจะต้องรักตัวเอง ดูแลตัวเองให้ดีก่อน แต่โปรดอย่าสับสนว่า รักจนเห็นแก่ตัวเอง และทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน
6..รักโดยความปรารถนาทางเพศ เป็นความรักที่ต้องการแบ่งหรือร่วมความรู้สึกทางเพศกับผู้อื่น เพื่อให้รู้สึกมีความใกล้ชิด ความตื่นเต้น ให้และรับความสุขซึ่งกันและกัน ตามที่มีการร่วมรักและการมีเพศสัมพันธ์ จะทำให้เกิดขึ้นได้โดยธรรมชาติทางร่างกายและจิตใจ
6..รักโดยความปรารถนาทางเพศ เป็นความรักที่ต้องการแบ่งหรือร่วมความรู้สึกทางเพศกับผู้อื่น เพื่อให้รู้สึกมีความใกล้ชิด ความตื่นเต้น ให้และรับความสุขซึ่งกันและกัน ตามที่มีการร่วมรักและการมีเพศสัมพันธ์ จะทำให้เกิดขึ้นได้โดยธรรมชาติทางร่างกายและจิตใจ
ความรักแบบนี้ ยิ่งลึกซึ้งเกินกว่าความสุขทางกายเท่านั้น แต่ต้องรักลึกซึ้งถึงขนาดที่ต่างสื่อสัมพันธ์กัน เข้าอกเข้าใจดี รับความสุขอย่างเปี่ยมล้นร่วมกันทั้งสองฝ่ายด้วย
และความรักเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อที่ 1 ถึงข้อที่ 5 หรือข้อที่ 6 ซึ่งเป็นความรักที่พวกเราซึ่งยังมีกิเลสอย่างมนุษย์ปุถุชน ส่วนมากยังปรารถนาที่จะได้รับ และที่จะให้แก่ผู้อื่นอยู่ เป็นความรักที่เราควรแสวงหาให้พบว่า ตัวเราน่ะ มีความรักแท้จริงเกิดขึ้นแล้วหรือยัง
และความรักเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อที่ 1 ถึงข้อที่ 5 หรือข้อที่ 6 ซึ่งเป็นความรักที่พวกเราซึ่งยังมีกิเลสอย่างมนุษย์ปุถุชน ส่วนมากยังปรารถนาที่จะได้รับ และที่จะให้แก่ผู้อื่นอยู่ เป็นความรักที่เราควรแสวงหาให้พบว่า ตัวเราน่ะ มีความรักแท้จริงเกิดขึ้นแล้วหรือยัง
ลองสำรวจตัวคุณเองสิว่า คุณมีคุณสมบัติของคนที่มีความรักในหัวใจเหล่านี้ครบถ้วนหรือยัง
1..รู้จักเลือกสรร..รู้จักใช้สำนึกที่ดี เลือกคนที่เราจะให้ความสนิทสนมใกล้ชิดด้วย รู้จักเลือกสรรความเป็นส่วนตัวของเราว่า ควรจะเปิดเผยหรือแสดงออกให้คนอื่นรู้แค่ไหนและเมื่อใด
แต่การเลือกสรรหรือเลือกเฟ้นนี้ หากมีความรักเกิดขึ้น จะต้องปฏิบัติด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าใคร จะต้องรู้จักเลือกซึ่งกันและกัน
2..การให้..ความรู้สึกรัก จะต้องให้แก่ผู้อื่น แต่ไม่เหมือนกับการนำอาหารนำสิ่งของไปถวายพระ ไปถวายหรือสังเวยบูชาสิ่งศักดิสิทธิ์ สิ่งเคารพ หรือการให้สิ่งของเงินทอง แต่เป็นการให้ความรักซึ่งกันและกัน ด้วยชีวิตจิตใจ ความรู้สึกด้วยการการทำด้วยอารมณ์ขัน ด้วยความทุกข์ หรือทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตา
ต่างต้องให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งได้รู้ และรับไว้ได้ แต่แน่ละการให้สิ่งที่เป็นความสุข ทำให้อิ่มเอิบชื่นใจมากขึ้น จะทำให้ทั้งสองฝ่ายยิ่งสนิทสนมใกล้ชิดรักใคร่กันยิ่งขึ้น
3..ความใกล้ชิด..คนที่รักกันจะรู้สึกอยากมีความรู้จักอีกฝ่ายให้มากขึ้น ลึกซึ่งขึ้นจนประหนึ่งว่า นั่งอยู่ในหัวใจในความคิดของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อจะได้สามารถสนองตอบทำให้อีกฝ่ายเป็นสุขยิ่งขึ้น
แต่การเลือกสรรหรือเลือกเฟ้นนี้ หากมีความรักเกิดขึ้น จะต้องปฏิบัติด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าใคร จะต้องรู้จักเลือกซึ่งกันและกัน
2..การให้..ความรู้สึกรัก จะต้องให้แก่ผู้อื่น แต่ไม่เหมือนกับการนำอาหารนำสิ่งของไปถวายพระ ไปถวายหรือสังเวยบูชาสิ่งศักดิสิทธิ์ สิ่งเคารพ หรือการให้สิ่งของเงินทอง แต่เป็นการให้ความรักซึ่งกันและกัน ด้วยชีวิตจิตใจ ความรู้สึกด้วยการการทำด้วยอารมณ์ขัน ด้วยความทุกข์ หรือทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตา
ต่างต้องให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งได้รู้ และรับไว้ได้ แต่แน่ละการให้สิ่งที่เป็นความสุข ทำให้อิ่มเอิบชื่นใจมากขึ้น จะทำให้ทั้งสองฝ่ายยิ่งสนิทสนมใกล้ชิดรักใคร่กันยิ่งขึ้น
3..ความใกล้ชิด..คนที่รักกันจะรู้สึกอยากมีความรู้จักอีกฝ่ายให้มากขึ้น ลึกซึ่งขึ้นจนประหนึ่งว่า นั่งอยู่ในหัวใจในความคิดของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อจะได้สามารถสนองตอบทำให้อีกฝ่ายเป็นสุขยิ่งขึ้น
ต่างจะอยากรู้ความเป็นไปตั้งแต่เด็ก ครอบครัว หรืออื่นๆ รู้ทัศนคติ เช่น ความชอบไม่ชอบอะไร ความหวัง เป้าหมายของชีวิต ความอ่อนแอ ความผิดหวัง
การจะรู้สึกลึกซึ้งกันจนเป็นหนึ่งเดียวกัน ต้องการเวลา ต้องการความใกล้ชิดสนิทกันเป็นส่วนตัวและความไว้วางใจกัน
4..ความไว้วางใจเชื่อใจกัน..ความวางใจกันขนาดที่จะสามารถเปิดเผยความในใจ หรือบางสิ่งบางอย่างซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของเรานี้ ค่อนข้างจะเป็นเรื่องตัดสินใจยาก
ถึงขั้นนี้ต้องรู้จักสังเกตว่าอีกฝ่ายหนึ่ง แสดงความรู้สึกอย่างไร เมื่อเราให้เขารับรู้ เช่น เค้าสนใจมั้ย แสดงความเอาใจใส่มั้ย เค้ายังคงสุภาพให้ความนับถือในศักดิ์ศรีและคุณค่าของเราเช่นเดิมหรือเปล่า
การจะรู้สึกลึกซึ้งกันจนเป็นหนึ่งเดียวกัน ต้องการเวลา ต้องการความใกล้ชิดสนิทกันเป็นส่วนตัวและความไว้วางใจกัน
4..ความไว้วางใจเชื่อใจกัน..ความวางใจกันขนาดที่จะสามารถเปิดเผยความในใจ หรือบางสิ่งบางอย่างซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของเรานี้ ค่อนข้างจะเป็นเรื่องตัดสินใจยาก
ถึงขั้นนี้ต้องรู้จักสังเกตว่าอีกฝ่ายหนึ่ง แสดงความรู้สึกอย่างไร เมื่อเราให้เขารับรู้ เช่น เค้าสนใจมั้ย แสดงความเอาใจใส่มั้ย เค้ายังคงสุภาพให้ความนับถือในศักดิ์ศรีและคุณค่าของเราเช่นเดิมหรือเปล่า
เค้าตอบรับ แสดงความห็นใจหรือซ้ำเติม การเก็บความลับเป็นส่วนตัวของเราไว้ หรือนำไปเล่าขานนินทาต่อ
ความวางใจเชื่อใจกัน สำคัญมากในเรื่องของความรัก ทั้งนี้เราต้องทำให้อีกฝ่ายเชื่อใจด้วย
5..การเอาใจใส่ดูแลอีกฝ่าย..ทั้งความสุข ความต้องการทางกายและใจ เป็นเรื่องคนที่รักกันต้องมีให้กัน ต่างต้องการเห็นอีกฝ่ายมีความสุข
6..การตอบสนอง..เมื่อเราเลือกคนที่เรารัก และคนที่เราต้องเอาใจใส่เขาแล้ว จะต้องรู้จักยอมรับความปรารถนาของเขาด้วย ทั้งนี้เพื่อจะได้รู้จักสนองตอบความปรารถนาของอีกฝ่ายได้ถูกต้อง
ความวางใจเชื่อใจกัน สำคัญมากในเรื่องของความรัก ทั้งนี้เราต้องทำให้อีกฝ่ายเชื่อใจด้วย
5..การเอาใจใส่ดูแลอีกฝ่าย..ทั้งความสุข ความต้องการทางกายและใจ เป็นเรื่องคนที่รักกันต้องมีให้กัน ต่างต้องการเห็นอีกฝ่ายมีความสุข
6..การตอบสนอง..เมื่อเราเลือกคนที่เรารัก และคนที่เราต้องเอาใจใส่เขาแล้ว จะต้องรู้จักยอมรับความปรารถนาของเขาด้วย ทั้งนี้เพื่อจะได้รู้จักสนองตอบความปรารถนาของอีกฝ่ายได้ถูกต้อง
เพื่อให้เค้าได้ความสุขจากการสมปรารถนา ในขณะเดียวกัน เราจะได้สามารถแจกแจงความต้องการของเรา เพื่อให้เขาตอบสนองเราด้วย
7..ความนับถือและความเคารพสิทธิ..คุณสมบัติข้อนี้มักจะเข้าใจผิดว่า การเคารพนับถือกันนั้น ต้องแสดงออกด้วยการกลัวเกรง หรือยำเกรงกัน
7..ความนับถือและความเคารพสิทธิ..คุณสมบัติข้อนี้มักจะเข้าใจผิดว่า การเคารพนับถือกันนั้น ต้องแสดงออกด้วยการกลัวเกรง หรือยำเกรงกัน
แต่ในความรักนั้น ความนับถือกัน หมายถึง ขอให้นึกว่า เขาหรือเธอก็เป็นคนคนหนึ่งที่ย่อมมีอะไรแปลกแตกต่างจากเรา จะนึกหรือกะเกณฑ์ให้เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ ตามใจเราไปทุกอย่างนั้นไม่ได้ และไม่ควรทำหรือบังคับให้เขาเป็น โดยใช้ความรักเป็นเครื่องต่อรอง
ถ้าเราคิดว่า เราไม่สามารถรับความเป็นตัวตนของอีกคนได้ เราก็ไม่ควรเลือกผู้นี้แต่แรก และเมื่อนั้นแสดงว่าเรายังไม่เกิดความรัก!
8..ความสุข ความชื่นชมยินดี..ความรัก คือ ความสุข ความชื่นชมยินดี ขณะที่เราเอาใจใส่ดูแลซึ่งกันและกัน และเห็นอักฝ่ายมีความสุข แม้แค่เพียงได้เห็นหน้าที่มีรอยยิ้ม หรือได้ยินเสียงที่มีความสุขของอีกฝ่าย แม้แต่พ่อแม่ที่เห็นลูกตอนแรกเกิด ตอนเจริญวัยขึ้น ตอนที่พอใจกับของเล่นที่เราส่งให้ หรือคนรักที่พอใจกับน้ำหอมที่เราซื้อให้ หรือสวมใส่เชิ้ตตัวที่เราให้เป็นของขวัญปีใหม่ เราจะยินดีมีความสุขที่เห็นคนที่เรารักเกิดความสุขเพราะเรา
9..ความรู้ตัวเอง..คนเรานั้น ยิ่งรู้ตัวเอง รู้จักตนเองมากเท่าไร ก็ยิ่งเข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ระหว่างตัวเราและคนอื่น การที่จะมีความรักนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้ซึ้งถึงความรู้สึกในใจเราเอง ว่ากำลังเป็นอย่างไร
ถ้าแม้แต่ใจเราเองตัวเราเอง เรายังไม่รู้แน่ว่าเป็นอย่างไร เราจะไปรู้ใจคนอื่นได้ยังไง ถ้าคุณสามารถปรับคุณสมบัติทั้ง 9 ข้อนี้ ให้เข้าระดับของคนมีความรักแท้ได้ คุณก็อาจทำให้ความรักที่คุณและผู้อื่นมี่ต่อกัน เป็นความรักแท้นิรันดรได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)