วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อะไร? คือ ความรัก

 ที่จริงคำว่า "รัก" และ "ความรู้สึกรักนั้น" มีความหมายกว้างไกลลึกซึ้ง และครอบคลุมถึงอะไรๆที่เรารักได้มากมาย
 
ตั้งแต่รัก พ่อ-แม่ พี่น้อง รักเพื่อน รักคนรัก ภรรยา สามี และลูก รักสุนัขหรือสัตว์เลี้ยง รักหนังสือของนักประพันธ์คนนั้นคนนี้ หรือรักหนังสือแนวนั้น แนวนี้
รักภาพยนตร์ประเภทนักสืบ หรือหนังเพลง รักดนตรีแนวแจ๊ส หรือนักร้องวงสุนทราภรณ์ หรือว่าวงนักร้องแนวใหม่ที่ร้องไปเต้นไปดูมีชีวิตชีวา
รักในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รักพระเจ้า รักศาสนา รักเพื่อนมนุษย์
ในเรื่องเพศสัมพันธ์ เราใช้คำว่า ร่วมรักและเมคกิ้งเลิฟ โดยตรง
คำว่า "รัก" ใช้แสดงความรู้สึกของจิตใจและอารมณ์ของเรา ต่อสิ่งต่างๆหรือบุคคลต่างๆกัน แต่แน่นอนว่า เราหมายถึง เรามีความพอใจ และสนใจใยดี ผูกพันอยู่กับสิ่งนั้น หรือบุคคลนั้น
แต่ไม่ว่าเราจะมีความรักในอะไร ขอให้เข้าใจว่า "ความรัก" คือ ศิลปะอย่างหนึ่ง
คุณคงไม่มีทางเกิดความรัก หรือได้สมรัก ถ้าเพียงแต่นั่งอยู่เฉยๆ รอโชคดีแล้วมีความรักปิ้งขึ้นมา
ถ้าอยากมีอยากได้ "รักแท้" เราคงต้องใช้เวลาเรียนรู้ว่า อะไรคือความรัก และรักมีความหมาย มีความสำคัญต่อชีวิตเราอย่างไร
ยิ่งการจะทำใจทำตัวให้รู้จักรักคนอื่นยิ่งยาก คงจะต้องมีการฝึกฝน และปฏิบัติตัวให้รู้จักที่จะรัก และแสดงความรัก เพื่อให้ความรักนั้นบรรลุผล
ในสังคมที่เราอยู่กันเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าสังคมของเราเองหรือต่างชาติ เรียกได้ว่าทั่วโลก คำว่ารักและกามารมณ์ดูจะเป็นเรื่องสำคัญกว่าเรื่องอื่น โดยเฉพาะในนวนิยาย ในละครภาพยนตร์ ในรายการโทรทัศน์ ในดนตรีและเนื้อเพลง
และโดยทั่วๆไป เราก็มักจะมีความเข้าใจกันว่า เมื่อใดและที่ใดมีความรักที่แท้จริง และทั้งผู้ที่ให้ความรักและรับความรักต่างเข้าใจกันแล้ว ยากนักที่จะมีความทุกข์เข้ามาแทรกแซงได้
เรารักใคร หรือใครที่เราควรรัก?
สำหรับคุณทั้งหลายที่อาจจะมีจิตใจเฉยชา หรือวางเฉยต่ออารมณ์ละเอียดอ่อนที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวเองหรือพยายามปิดกั้นไว้ อาจจะด้วยสิ่งแวดล้อมของโลกปัจจุบันทำให้เป็น
หรือยังมองไม่เห็นว่า มีใครกำลังหยิบยื่นความรักส่งมอบให้แก่คุณสักคน ลองนึกดูสิว่า คุณกำลังมีความรู้สึกที่เราเรียกว่า "รัก" เหล่านี้บ้างมั้ย
เพราะนี่คือ ความรักที่คนเราควรมี

1..รักเพื่อนมนุษย์ เป็นความรู้สึกว่า เรามีเพื่อนร่วมโลกที่เกิดมา และเป็นคนอยู่ร่วมสังคม ร่วมบ้าน ร่วมเมือง หรือร่วมโลกเดียวกัน เราต้องมีความเป็นอยู่ร่วมกัน จึงควรให้ความมีน้ำใจแก่กัน หรือให้ความรักความเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน อย่างน้อยที่สุด ไม่ทำความเดือดร้อนให้เขา

2..รักสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รักศาสนา หรือสิ่งเคารพ ที่ชุมชนของเราให้ความนับถือ ว่าเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นศูนย์รวมของคนในสังคมนั้น ชาตินั้น ซึ่งจะช่วยไม่ให้เกิดความขัดแย้งกัน เพราะต่างก็มีความรักในสิ่งเดียวกัน

3..รักคนที่เราอาจช่วยเหลือได้ หรือคนที่อ่อนแอกว่า ต้องพึ่งพาเรา แบบนี้เป็นความรักของพ่อหรือแม่ ที่รู้สึกต่อลูกๆ หรือพี่มีความรักน้อง

4..รักพ่อแม่ผู้ปกครองของเรา เป็นความรู้สึกที่เราสนองตอบผู้ซึ่งได้ดูแลปกป้อง และให้ความเอื้ออาทรเอาใจใส่เรา ยามที่เราร้องขอความช่วยเหลือ

5..ความรักตัวเอง เป็นความรักที่ให้ตนเอง แบบที่ว่า จะต้องมีความเชื่อมั่น นับถือตนเอง มั่นใจในการกระทำของตนเอง ซึ่งจะเกิดได้ด้วยการเอาใจใส่ระมัดระวังตนเองให้มั่นอยู่ในความดี และเอาใจใส่ตนเอง ขณะเดียวกันเอาใจใส่คนรอบข้างด้วย
ความรักตัวเองนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นให้เรารักคนอื่นและสิ่งแวดล้อมได้ ทางแง่จิตวิทยาถือว่า เพราะเรารักตัวเอง เราจึงมอบความรักไปยังสิ่งใกล้และไกลตัวได้ เช่น เรารักโรงเรียน เพราะเป็นโรงเรียนที่เราเรียนอยู่
เรารักเพื่อน เพราะเค้าเป็นเพื่อนร่วมเรียนของเรา รักพรรคการเมืองพรรคนี้ เพราะ(ขณะนี้)เราสังกัดอยู่
แต่ก่อนที่เราจะรักคนอื่นได้ เราจะต้องรักตัวเอง ดูแลตัวเองให้ดีก่อน แต่โปรดอย่าสับสนว่า รักจนเห็นแก่ตัวเอง และทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน

6..รักโดยความปรารถนาทางเพศ เป็นความรักที่ต้องการแบ่งหรือร่วมความรู้สึกทางเพศกับผู้อื่น เพื่อให้รู้สึกมีความใกล้ชิด ความตื่นเต้น ให้และรับความสุขซึ่งกันและกัน ตามที่มีการร่วมรักและการมีเพศสัมพันธ์ จะทำให้เกิดขึ้นได้โดยธรรมชาติทางร่างกายและจิตใจ
ความรักแบบนี้ ยิ่งลึกซึ้งเกินกว่าความสุขทางกายเท่านั้น แต่ต้องรักลึกซึ้งถึงขนาดที่ต่างสื่อสัมพันธ์กัน เข้าอกเข้าใจดี รับความสุขอย่างเปี่ยมล้นร่วมกันทั้งสองฝ่ายด้วย
และความรักเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อที่ 1 ถึงข้อที่ 5 หรือข้อที่ 6 ซึ่งเป็นความรักที่พวกเราซึ่งยังมีกิเลสอย่างมนุษย์ปุถุชน ส่วนมากยังปรารถนาที่จะได้รับ และที่จะให้แก่ผู้อื่นอยู่ เป็นความรักที่เราควรแสวงหาให้พบว่า ตัวเราน่ะ มีความรักแท้จริงเกิดขึ้นแล้วหรือยัง
ลองสำรวจตัวคุณเองสิว่า คุณมีคุณสมบัติของคนที่มีความรักในหัวใจเหล่านี้ครบถ้วนหรือยัง
1..รู้จักเลือกสรร..รู้จักใช้สำนึกที่ดี เลือกคนที่เราจะให้ความสนิทสนมใกล้ชิดด้วย รู้จักเลือกสรรความเป็นส่วนตัวของเราว่า ควรจะเปิดเผยหรือแสดงออกให้คนอื่นรู้แค่ไหนและเมื่อใด
แต่การเลือกสรรหรือเลือกเฟ้นนี้ หากมีความรักเกิดขึ้น จะต้องปฏิบัติด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าใคร จะต้องรู้จักเลือกซึ่งกันและกัน

2..การให้..ความรู้สึกรัก จะต้องให้แก่ผู้อื่น แต่ไม่เหมือนกับการนำอาหารนำสิ่งของไปถวายพระ ไปถวายหรือสังเวยบูชาสิ่งศักดิสิทธิ์ สิ่งเคารพ หรือการให้สิ่งของเงินทอง แต่เป็นการให้ความรักซึ่งกันและกัน ด้วยชีวิตจิตใจ ความรู้สึกด้วยการการทำด้วยอารมณ์ขัน ด้วยความทุกข์ หรือทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตา
ต่างต้องให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งได้รู้ และรับไว้ได้  แต่แน่ละการให้สิ่งที่เป็นความสุข ทำให้อิ่มเอิบชื่นใจมากขึ้น จะทำให้ทั้งสองฝ่ายยิ่งสนิทสนมใกล้ชิดรักใคร่กันยิ่งขึ้น

3..ความใกล้ชิด..คนที่รักกันจะรู้สึกอยากมีความรู้จักอีกฝ่ายให้มากขึ้น  ลึกซึ่งขึ้นจนประหนึ่งว่า นั่งอยู่ในหัวใจในความคิดของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อจะได้สามารถสนองตอบทำให้อีกฝ่ายเป็นสุขยิ่งขึ้น
ต่างจะอยากรู้ความเป็นไปตั้งแต่เด็ก ครอบครัว หรืออื่นๆ รู้ทัศนคติ เช่น ความชอบไม่ชอบอะไร ความหวัง เป้าหมายของชีวิต ความอ่อนแอ ความผิดหวัง
การจะรู้สึกลึกซึ้งกันจนเป็นหนึ่งเดียวกัน ต้องการเวลา ต้องการความใกล้ชิดสนิทกันเป็นส่วนตัวและความไว้วางใจกัน

4..ความไว้วางใจเชื่อใจกัน..ความวางใจกันขนาดที่จะสามารถเปิดเผยความในใจ หรือบางสิ่งบางอย่างซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของเรานี้ ค่อนข้างจะเป็นเรื่องตัดสินใจยาก
ถึงขั้นนี้ต้องรู้จักสังเกตว่าอีกฝ่ายหนึ่ง แสดงความรู้สึกอย่างไร เมื่อเราให้เขารับรู้ เช่น เค้าสนใจมั้ย แสดงความเอาใจใส่มั้ย เค้ายังคงสุภาพให้ความนับถือในศักดิ์ศรีและคุณค่าของเราเช่นเดิมหรือเปล่า
เค้าตอบรับ แสดงความห็นใจหรือซ้ำเติม การเก็บความลับเป็นส่วนตัวของเราไว้ หรือนำไปเล่าขานนินทาต่อ
ความวางใจเชื่อใจกัน  สำคัญมากในเรื่องของความรัก ทั้งนี้เราต้องทำให้อีกฝ่ายเชื่อใจด้วย

5..การเอาใจใส่ดูแลอีกฝ่าย..ทั้งความสุข ความต้องการทางกายและใจ เป็นเรื่องคนที่รักกันต้องมีให้กัน ต่างต้องการเห็นอีกฝ่ายมีความสุข

6..การตอบสนอง..เมื่อเราเลือกคนที่เรารัก และคนที่เราต้องเอาใจใส่เขาแล้ว จะต้องรู้จักยอมรับความปรารถนาของเขาด้วย ทั้งนี้เพื่อจะได้รู้จักสนองตอบความปรารถนาของอีกฝ่ายได้ถูกต้อง
เพื่อให้เค้าได้ความสุขจากการสมปรารถนา ในขณะเดียวกัน เราจะได้สามารถแจกแจงความต้องการของเรา เพื่อให้เขาตอบสนองเราด้วย

7..ความนับถือและความเคารพสิทธิ..คุณสมบัติข้อนี้มักจะเข้าใจผิดว่า การเคารพนับถือกันนั้น ต้องแสดงออกด้วยการกลัวเกรง หรือยำเกรงกัน
แต่ในความรักนั้น ความนับถือกัน  หมายถึง ขอให้นึกว่า เขาหรือเธอก็เป็นคนคนหนึ่งที่ย่อมมีอะไรแปลกแตกต่างจากเรา จะนึกหรือกะเกณฑ์ให้เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ ตามใจเราไปทุกอย่างนั้นไม่ได้ และไม่ควรทำหรือบังคับให้เขาเป็น โดยใช้ความรักเป็นเครื่องต่อรอง
ถ้าเราคิดว่า เราไม่สามารถรับความเป็นตัวตนของอีกคนได้ เราก็ไม่ควรเลือกผู้นี้แต่แรก และเมื่อนั้นแสดงว่าเรายังไม่เกิดความรัก!
8..ความสุข ความชื่นชมยินดี..ความรัก คือ ความสุข ความชื่นชมยินดี ขณะที่เราเอาใจใส่ดูแลซึ่งกันและกัน และเห็นอักฝ่ายมีความสุข แม้แค่เพียงได้เห็นหน้าที่มีรอยยิ้ม หรือได้ยินเสียงที่มีความสุขของอีกฝ่าย แม้แต่พ่อแม่ที่เห็นลูกตอนแรกเกิด ตอนเจริญวัยขึ้น ตอนที่พอใจกับของเล่นที่เราส่งให้ หรือคนรักที่พอใจกับน้ำหอมที่เราซื้อให้ หรือสวมใส่เชิ้ตตัวที่เราให้เป็นของขวัญปีใหม่ เราจะยินดีมีความสุขที่เห็นคนที่เรารักเกิดความสุขเพราะเรา
9..ความรู้ตัวเอง..คนเรานั้น ยิ่งรู้ตัวเอง รู้จักตนเองมากเท่าไร ก็ยิ่งเข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ระหว่างตัวเราและคนอื่น การที่จะมีความรักนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้ซึ้งถึงความรู้สึกในใจเราเอง ว่ากำลังเป็นอย่างไร
ถ้าแม้แต่ใจเราเองตัวเราเอง เรายังไม่รู้แน่ว่าเป็นอย่างไร เราจะไปรู้ใจคนอื่นได้ยังไง ถ้าคุณสามารถปรับคุณสมบัติทั้ง 9 ข้อนี้ ให้เข้าระดับของคนมีความรักแท้ได้ คุณก็อาจทำให้ความรักที่คุณและผู้อื่นมี่ต่อกัน เป็นความรักแท้นิรันดรได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น