วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทำงานหนัก “เซ็กซ์เสื่อม

ทำงานหนัก “เซ็กซ์เสื่อม”? คำถามใหญ่ในใจของคนยังมีไฟ

แท้จริงแล้วอาการเซ็กซ์เสื่อมเป็นเช่นไร และจะเกิดได้กับบุคคลใดบ้างนั้น เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า หลายคนคงอยากรู้...


น.พ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เล่าให้ฟังว่า ปัญหาเรื่องการหย่อนสมรรถภาพทางเพศนั้นอาจแบ่งได้ 2 ประเภทคือ

1.เป็นการหย่อนตามธรรมชาติ
ซึ่งธรรมชาติก็จะควบคุมว่า คนที่มีลูกต้องอยู่ในวัยที่แข็งแรง โดยในผู้หญิงก็จะเห็นได้ชัด เช่นวัยหมดประจำเดือน ส่วนผู้ชายเมื่อเข้าสู่อายุประมาณ 50 กว่าๆ สมรรถภาพทางเพศก็จะค่อยๆ ลดลงตามไป

2. อาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ ซึ่งจะพบมากกว่าประเภทแรก โดยที่พบเป็นประจำคือ พวกที่ดื่มเหล้า-สูบบุหรี่ ซึ่งสมรรถภาพทางเพศของบุคคลเหล่านี้แทบจะไม่เหลือเลย นอกจากนั้น ในเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บก็มีส่วนอยู่มาก โดยที่พบบ่อยๆ ก็คือ โรคเบาหวาน ซึ่งทำให้ความต้องการทางเพศลดลง หรือกรณีของโรคความดัน โรคหัวใจ ก็เป็นได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ยังอาจรวมถึงความวิตกกังวล และความเครียด ซึ่งก็มีส่วนอยู่มากทีเดียว เพราะเมื่อเกิดความเครียดแล้ว คนเราก็ไม่มีเวลามาคิดเรื่องเหล่านี้

“คนที่อยู่ในภาวะที่มีความเครียดมากๆ เป็นเวลานานๆ ก็ควรต้องหาวิธีการแก้ไข ปรับเปลี่ยนตัวเอง ซึ่งกรณีตรงนี้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องทางเพศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสุขภาพร่างกาย-จิตใจด้วย ซึ่งหากเครียดนานๆ ก็อาจเกิดอาการของโรคทางกายขึ้นมา เช่น โรคกระเพาะ โรคความดัน และถ้าเป็นมากๆ ก็อาจถึงขั้นเกิดโรคทางจิตประสาทซึมเศร้าได้”

สำหรับในส่วนของคนที่ขยันทำงานมากๆ นั้น อธิบดีกรมสุขภาพจิต เห็นว่า
คนเหล่านี้ก็จะมีวิธีแก้ไขตนเองและหาทางออกเองได้ เพื่อให้หลุดออกมาจากความตึงเครียด เช่น ไปหาที่เงียบๆ สงบ ฟังเพลงเพราะๆ ไปชอปปิง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ตนเองชอบ ซึ่งเหล่านี้ก็เป็นวิธีปกติธรรมดา ไม่ต้องไปหาวิธีแปลกๆ พิสดารอะไร

เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว การมีเพศสัมพันธ์ก็จะมี 2 องค์ประกอบ คือ เพื่อความเพลิดเพลิน และเพื่อการสืบเผ่าพันธุ์ แต่ปัจจุบันเรากลับมองเรื่องเพศในแง่ของความสนุกสนานเพลิดเพลินเสียมากกว่า ซึ่งในเวลาเดียวกันก็ควรต้องให้ความรู้กับวัยรุ่นว่า เรื่องทางเพศก็มีเรื่องของความรับผิดชอบ อย่าคิดแต่เรื่องสนุกสนานเพียงอย่างเดียว


“ถ้าถามว่าเรื่องทางเพศมีความจำเป็นไหม มันก็จำเป็นเหมือนกับ การกินอาหาร การนอนหลับพักผ่อน เพราะมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่สำหรับบางคนที่เขาอยู่ได้โดยไม่มีเซ็กซ์ ก็เพราะเขามีวิธีบังคับตัวเอง แต่ทั้งนี้ บางคนก็ทำได้ บางคนก็ทำไม่ได้”

สำหรับเรื่องของความสมดุลในความต้องการทางเพศของทั้งชายและหญิงนั้น
น.พ.ม.ล.สมชาย เห็นว่า ถ้าคู่เหล่านั้นอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่หนุ่มสาว ก็คงจะไปด้วยกัน ตอนวัยรุ่นก็อาจจะมีความต้องการทางเพศมากหน่อย เรื่องของการดูแลเป็นเพื่อนก็อาจน้อย แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความรู้สึกในความต้องการทางเพศจะไม่ได้เป็นเรื่องของความสนุกสนานแล้ว แต่คงเป็นเหมือนเพื่อนคอยดูแลกัน

แต่ทั้งนี้ก็ยอมรับว่า ผู้ชายบางส่วนก็อาจมีความต้องการทางเพศที่ต่อเนื่องกันไปได้นาน ขณะที่อีกหลายคนก็เอาความเป็นผู้ชายของตนเองไปผูกมัดไว้กับเรื่องทางเพศ เช่น ถ้าอายุมากแล้ว แต่ยังมีเซ็กซ์ได้ก็ถือว่าเก่ง เป็นต้น คล้ายๆ กับทำให้ตนเองรู้สึกภาคภูมิใจ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องของธรรมชาติแล้ว เพราะธรรมชาติมันก็จะค่อยๆ ลดลงไป ซึ่งถ้าจริงๆ แล้ว ผู้ชายรู้จักคิดสักนิดว่า อายุปูนนี้ รู้จักหากีฬาอย่างอื่นทำ หรือออกกำลังกาย ก็จะทำให้ความรู้สึกเหล่านี้ออกไปในรูปอื่น ซึ่งก็จะดีกว่า

“ถ้าเรารู้สึกว่าเราหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ก็อยากให้ไปถามผู้รู้ แต่ไม่ใช่ไปปรึกษากันเอง เพื่อจะดูว่าจริงๆ แล้วเกิดเพราะอะไร เช่น ถ้าเกิดเพราะโรคภัยไข้เจ็บ ต่อมลูกหมาก หรือท่อทางเดินปัสสาวะอักเสบ เมื่อรักษาหายแล้ว ก็อาจจะกลับมาเหมือนเดิมได้ แต่ทั้งนี้ก็อย่าไปดึงดันว่า จะต้องให้มีสมรรถภาพทางเพศกลับมาได้เหมือนตอนอายุ 20-30 เราต้องเข้าใจตัวเองว่า พออายุ 50-60 แล้ว ก็จะเป็นในแบบของคนอายุนั้นๆ เพราะฉะนั้น มันจะมีหรือไม่มีบ้าง เราก็ต้องทำใจ แล้วหันเหความรู้สึกไปที่การออกกำลังกายหรือกิจกรรมอย่างอื่น ซึ่งก็สามารถช่วยได้”

อย่างไรก็ดี น.พ.ม.ล.สมชาย ยังได้ฝากไปถึงเหล่านักธุรกิจที่ทำงานหนัก จนลืมที่จะมีอะไรกุ๊กกิ๊กกับภรรยาว่า ควรต้องเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่า เครียดไปหรือเปล่า พักผ่อนหลับนอนเป็นปกติหรือไม่ หงุดหงิดหรือเปล่า เพราะผลที่จะเกิดขึ้นก็เกิดกับตัวเองทั้งนั้น ดังนั้น ต้องหันมาดูแลทั้งทางเรื่องของร่างกายและจิตใจ หากีฬาที่เหมาะสม ทำสิ่งที่เราชอบ หาสิ่งที่ทำให้เกิดการผ่อนคลาย

...ทิ้งท้าย น.พ.ม.ล.สมชายได้กล่าวถึงแนวคิดเรื่องเพศในอนาคตว่า มีคนทำนายเอาไว้ว่า ความรู้สึกนึกคิดในเรื่องทางเพศของสังคมจะเปลี่ยนไป เพราะตอนนี้สามารถโคลนนิ่งคนได้แล้ว อนาคตผู้หญิงก็ไม่จำเป็นต้องมีสามี ถ้าอยากมีลูกก็เอาไปใส่หลอดได้ เพราะฉะนั้น คนจะมีเซ็กซ์อิสระมากขึ้น ไม่ต้องผูกมัด สามารถแสวงหาเซ็กซ์ในรูปแบบต่างๆ ได้เพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกัน คนก็จะเหงาและเปล่าเปลี่ยวมากขึ้น เพราะไม่ต้องยึดกับอะไรเลย ยึดกับตัวเองเพียงแค่นั้น

สัมพันธภาพของคนในโลกอนาคตก็จะค่อยๆ เปลี่ยนไป ความเป็นครอบครัวก็จะหมดไป เราไม่ต้องมีใครแล้ว มีแค่ตัวเราเองคนเดียว และที่สำคัญมีการคาดการณ์ว่า ภายในปีค.ศ.2020 โรคซึมเศร้าจะกลายเป็นโรคที่คนทั่วโลกเป็นมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าคิดมากว่า อนาคตความสัมพันธ์ของเราจะเป็นเช่นไรกัน” น.พ.ม.ล.สมชายแสดงความคิดเห็น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น